วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

MEETING With SEIGI OZEKI & SEIGIOZEKICLUB (2 กุมภาพันธ์ 2554)



          เมื่อวันที่  28  มกราคม  2554  ที่ผ่านมา  นับเป็นวันที่มีความสุขมาก ๆ อีกวันหนึ่งของฉัน  นอกจากจะได้  Meeting  with  Seigi - san  แล้ว  ยังได้รู้จักกับเพื่อนใหม่อีกหลาย ๆ คน  ไม่ว่าจะเป็นพี่นิดหน่อย  พี่จุก  วิ  แล้วก็เบส  อีกทั้งยังมีกลุ่มเพื่อนที่รู้จักกันมาก่อนแล้วด้วย

หัวหน้าแก้งค์ของเราปรากฏตัวเวลา 20.30 น. ซึ่งมาทีหลังฉันอีก (ฉันว่าฉันช้าแล้วนะเนี่ยเพราะว่ารถติดมั่ก ๆ )  Seigi มาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ๆ ที่เป็นกันเอง  แน่นอนในมือถือของฝากมาด้วย ซึ่งก็เป็นโปสเตอร์ภาพยนต์  SAMURAI  AYOTHAYA  แถมยังแจกลายเซ็นให้กันสด ๆ (ซึ่งปากกาที่เซ็นก็เป็นของที่ร้านค่ะ  ฉันเดินไปขอยืมมาพระเอกของเรามิพกมาค่า)  เซ็นเสร็จแล้วก็แจกให้พวกเราทุกคน  แล้วก็ยังมีพวงกุญแจน่ารัก ๆ อีกหลายแบบให้เราได้ล้วงมือลงไปจับกันตามดวง 555 


          บรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน เป็นกันเอง  อบอุ่น  นาน ๆ เพื่อน ๆ จะมาเจอกันซักทีเลยถาม - ตอบกันให้วุ่นไปหมด จน Seigi ฟังไม่ทันต้องบอกให้พูดทีละคน  ซักถามประวัติกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทำงานที่ไหน  อยู่ที่ไหน  มีพี่น้องกี่คน  (จำได้รึเปล่าล่ะนั่น)  ฉันคิดว่าทุกคนคงจะมีความสุขกันอย่างมากมาย นับเป็นวันที่ดีจริง ๆ ที่เราได้มาเจอกัน  รู้จักกัน  ต้องขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้พวกเรามาเจอกันจริงไหมคะ ความเป็นเพื่อนกัน  มิตรภาพที่มีให้กันไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ  ศาสนา  อายุ  และเพศ  รอยยิ้ม  คำพูด  และทุก ๆ สิ่งที่เรามอบให้แก่กันและกันเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ  และแน่นอนไม่มีอะไรจะมาตีค่า  ตีราคาของคำว่า  "เพื่อน"  และ  "มิตรภาพ"  ได้เลยเพราะมันมีค่ามากมายกว่าที่พวกเราจะคิดเชียวค่ะ

          ต้องขอขอบคุณทุก ๆ คนที่มอบมิตรภาพดี ๆ ให้แก่กันและกัน  ต้องขอบคุณ Seigi ที่ไม่เคยทำให้พวกเราผิดหวัง เสมอต้นเสมอปลายตลอด หวังว่าความทรงจำดี ๆ ในวันนี้จะเป็นกำลังใจให้กับพวกเราทุกคนที่จะดำเนินชีวิตต่อไป ไม่ว่าจะมีปัญหากันมากขนาดไหน ลองย้อนกลับมานึกถึงวันนี้ เราก็จะมีกำลังใจขึ้นมาสู้ชีวิตกันอีกมากเลยค่ะ
         



          อ้อ...รู้สึกว่าฉันล้วง (ของขวัญ) ได้เป็นเจ้าแมงมุมสีดำตัวนี้มาค่ะ  น่ารักน่าหยิก ตั้งชื่อแล้วว่า Koufuku - san (โควฮุคุซัง = คุณความสุขค่ะ)  เพราะฉันมีความสุขมากจริง ๆ








       Arigato Gozaimasu ka Seigi.  I very  happy  ka. MATANE ka.


สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น (23 มีนาคม 2554)

     วันที่  11  มีนาคม  2554  โลกต้องตะลึงกับเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงในประเทศญี่ปุ่น จากการที่ประเทศญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิที่ทางภาคอีสานของประเทศญี่ปุ่น  รวมทั้ง  ฟุกุชิมะ  เมืองที่ครอบครัวของเซกิซังอาศัยอยู่ที่นั่นด้วย!  ครั้งแรกที่ได้ยินข่าว สิ่งแรกที่นึกถึงคือ  คุณแม่ของเซกิจะเป็นอย่างไรบ้างท่านอายุมากแล้ว จนกระทั่งเซกิส่งข่าวมาว่าท่านปลอดภัยดีรวมทั้งพี่สาวและครอบครัวของพี่สาวด้วย ค่อยโล่งอกหน่อย แต่เหมือนชะตากรรมซ้ำเติม โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จำนวน  4  โรงงาน  เริ่มมีปัญหาเนื่องจากระบบหล่อเย็นไม่ทำงานเนื่องจากได้รับความเสียหายจากสึนามิ  โรงไฟฟ้าระเบิด มีรังสีหลุดออกมาทำให้ต้องอพยพประชาชนออกโดยเร็วแรก ๆ ก็ ในรัศมี 20 กิโลเมตร  วันต่อมาก็ 30 กิโลเมตร สอบถามเซกิว่าแม่เป็นอย่างไรบ้าง ก็ได้คำตอบว่า บ้านอยู่ห่างจากทะเล 50 กิโลเมตรกว่า ๆ ไม่มีปัญหา (ใจเย็นกันเหลือเกิน)  หลังจากได้คำตอบนี้ 2 วัน มีประกาศให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่โรงไฟฟ้ารัศมี 80 กิโลเมตร  เซกิก็ส่งข่าวว่าคุณแม่ต้องอพยพไปอยู่กับญาติ ใจฉันคิดว่า  แม่ต้องลำบากอีกแล้ว อยู่ที่บ้านถึงแม้จะไม่มีน้ำใช้แต่ก็ยังมีไฟฟ้า  นั่นหมายถึงแม่จะไม่ต้องลำบากกับอากาศที่หนาวเย็น  อาหารและน้ำดื่มก็ปันส่วนกันไป  แล้วนี่แม่ต้องย้ายที่อยู่จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้  แต่คุณลูกชายส่งข่าวมาว่าแม่สบายดี  ปลอดภัย  ฉันก็ต้องเชื่อว่าปลอดภัย
          เรามาช่วยกันอธิษฐานให้ประเทศญี่ปุ่นผ่านพ้นสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ไปได้ด้วยนะคะ  Pray For Japan  และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต  รวมทั้งผู้ที่สูญหาย  และขอเป็นกำลังใจให้แก่ชาวญี่ปุ่นทุกท่านด้วยค่ะ  อย่าเพิ่งท้อใจนะคะ  ต้องเข้มแข็งตอนนี้ชาวไทยกำลังรวบรวมความช่วยเหลือกันคนละไม้คนละมือส่งไปให้ท่านอยู่ค่ะ  ครั้งที่ไทยพบกับปัญหาสึนามิ ท่านก็ให้ความช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่  มาคราวนี้  ไม่ต้องห่วงค่ะ  พวกเราไม่ทิ้งท่านแน่นอน  เราก็จะช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่เช่นเดียวกันค่ะ  ตอนนี้เรามาให้กำลังใจชาวญี่ปุ่นทุกคนกันด้วย MV นี้นะคะ  ขอบคุณพี่บอย  โกสิยพงษ์ด้วยค่ะ

         http://www.youtube.com/watch?v=1A1W3l9UKcs&feature=player_embedded#at=22

ละครเวทีเรื่องแรกในชีวิต (5 กันยายน 2553)


เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (4ก.ย. 53) ช่วงค่ำ ๆ  19.30 น. มีโอกาสไปดูละครเวทีเรื่อง  น้ำใสใจจริงเดอะมิวสิคัล โดยน้ำใสใจจริงนี้เป็นนวนิยาย  ประพันธ์โดยคุณ  ว.วินิจฉัยกุล จัดโดย  Dreambox  ที่โรงละคร M Theatre
     ซึ่งมาจองบัตรไว้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน รวมทั้งมีโอกาสไปงานแถลงข่าวเปิดตัวละครเวทีเรื่องนี้มาด้วย  ซึ่งถือได้ว่าละครเวทีเรื่องนี้เป็นละครเวทีเรื่องแรกที่ตัดสินใจไปดู  ยอมรับว่ามีเหตุผลหลายเหตุผลที่ตัดสินใจไปดูละครเรื่องนี้ 

     ประการแรกคือค้องการไปให้กำลังใจทีมงานและศิลปินทุก ๆ คนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดทำผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา  ถ้านับกันจริง ๆ รายชื่อคงจะยาวเหยียด  เท่าที่พอจะนับได้ก็มีดังต่อไปนี้
     1.  บทละครและคำร้อง                        คุณดารกา        วงศ์ศิริ 
     2.  กำกับและประพันธ์ดนตรีโดย  พี่ไก่  คุณสุธี             แสงเสรีชน
     3.  กำกับการแสดงโดย               พี่ลิง  คุณสุวรรณดี     จักราวรวุธ
     4.  พี่ ๆ ทีมงาน  DB อีกมากมาย
     มาดูทางฝั่งศิลปินกันบ้าง  ก็มี  คุณตู่  ภพธร  สุนทรญาณกิจ , ปุยฝ้าย AF4 คุณณัฏฐพัชร  วิพัธครตระกูล ,
คุณนรินทร ณ บางช้าง , คุณศรัณย์ ทองปาน , คุณสมพล ปิยะพงศ์ศิริ , คุณพุทธชาติ จึงไพศาล , คัตโตะ ลิปตา  น้องบอย AF3 , น้องมิวสิค  AF4 , น้องกู๊ด AF4 , น้องชัย , น้องเอื้อ เอื้ออาทร , แล้วก็ที่ขาดเสียไม่ได้แอร์โฮสเตสคนสวย  น้องแอ๋ม  รวมทั้งอีกหลาย ๆ ชีวิตที่มาร่วมเป็นหมู่มวลของน้ำใสใจจริงเดอะมิวสิคัล อีกคนก็คือน้องมังคุด (ชื่อในเรื่อง) เรียกเสียงฮาได้ไม่แพ้ใคร


     ประการที่สองก็คือ  ต้องการทราบว่าละครเวทีเป็นยังไง  เดินเรื่องลักษณะไหน (เนื่องจากไม่เคยดูมาก่อนเลยในชีวิต) 

     หลังจากที่ได้ดูละครเรื่องนี้จนจบ  บอกได้คำเดียวว่าสนุกมาก  ประทับใจทุก ๆ ฉาก  ที่มากที่สุดก็เห็นจะเป็นฉากที่พระเอก  (โจม)  พานางเอก  (ครีม)  ไปดูสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งที่บ้านนอกมีเยอะแยะเลย...หุ...หุ  โดยการประสานความสัมพันธ์ของ เพื่อนนางเอก (อ้อม)  ซึ่งก๋ากั่นไม่ใช่เบา  แล้วก็ฉากที่น้องหมาบอยขออาศัยอยู่ในหอด้วย  ชอบค่ะ  อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกเลย  รู้แต่ว่าจะเสียดายมาก ๆ ถ้าไม่ได้ดู 

     ละครเรื่องนี้ให้อะไรหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในชีวิตช่วงหนึ่งของพวกเราทุก ๆ คน ตั้งแต่เริ่มแสดงก็คือทุก ๆ คนมีพื้นฐานชีวิตที่ไม่เหมือนกัน  บางคนมาจากครอบครัวที่มีพร้อม  ดีพร้อม  ในขณะที่บางคนมาจากครอบครัวที่ค่อนข้างขัดสน  ทุก ๆ คนที่มาอยู่รวมกันในมหาวิทยาลัยฯ บ้านนอกนี้มีหลากหลายนิสัย บางคนเจ้าชู้ บางคนก๋ากั่น บางคนเรียบร้อย บางคนเอาแต่ใจ  ขาวีน บางคนธรรมะธรรมโม บางคนเก็บกด  อ่อนแอ  บางคนต้องการความเจริญก้าวหน้าในชีวิตและหน้าที่การงาน  ฯลฯ  ซึ่งในชีวิตจริง ๆ เราก็เจอคนแบบนั้นเหมือนกัน  สมัยเรียนเราชอบแหกกฎ  ระเบียบ  เริ่มมีความรักและแอบรัก  กังวลว่าผลสอบจะเป็นยังไง จีบสาว (หนุ่ม) แบบไหนจึงจะดี ความชอบของแต่ละคนแตกต่างกัน แต่ทุก ๆ คนก็อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ดีกันบ้าง  ทะเลาะกันบ้าง  แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี

     ละครเรื่องนี้เหมือนกระจกเงาที่สะท้อนเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาสำหรับใครหลาย ๆ คน  รวมทั้งบอกถึงเรื่องราวในอนาคตที่จะเกิดขึ้นกับน้อง ๆ อีกหลาย ๆ คนที่อยู่ในวัยเรียน  แต่ตอนนี้ความรู้สึกก็คือเริ่มจะรักละครเวทีซะแล้วสิเนี่ย...เรา...ขอขอบคุณทีมงานและศิลปินทุก ๆ ท่านที่ทุ่มเททั้งแรงกาย  แรงใจอย่างสุดความสามารถในทุก ๆ รอบของการแสดง  ขอบคุณที่ทำให้พวกเราได้นึกถึงอดีตที่ผ่านมาในวัยเรียนว่าเรามีความสุข  ความทุกข์อย่างไร  ต้องพยายามกันขนาดไหนกว่าจะประสบความสำเร็จ...ทุก ๆ สิ่ง...คือ...น้ำใสใจจริงที่พวกเรามอบให้แก่กัน...

คู่กรรม เดอะ มิวสิคัล Koogam On Screen (21 กันยายน 2553)


วันเสาร์ที่ผ่านมา  (18 กันยายน  2553) ได้มีโอกาสไปเยือนที่โรงละคร  M  Theatre  อีกครั้งหนึ่ง  หลังจากที่ไปมาก็หลายครั้งแล้ว  555+  ในวันนี้ได้ไปดูละครเวที  เรื่อง  คู่กรรมเดอะมิวสิคัล  ในรูปแบบบันทึกการแสดงสด  On Screen  ซึ่งจัดฉายโดย  Dreambox  เจ้าเก่า  คราวนี้เราไปดูการแสดงกันที่  Blue  Box  Strdio  ความจุประมาณ  80  ที่นั่งได้สบาย ๆ คู่กรรม  เป็นบทประพันธ์ของ  ทมยันตี  บทละครและเนื้อเพลง  คุณดารกา  วงศิริ  กำกับการแสดงโดยพี่ลิงเจ้าเก่า  คุณสุวรรณดี  จักราวรวุธ  กำกับดนตรีและประพันธ์ทำนองโดย  คุณไกรวัล  กุลวัฒโนทัย  ร่วมด้วย  คุณพลรักษ์  โอซกะ  และ  พี่ไก่  คุณสุธี  แสงเสรีชน  เรียบเรียงเสียงประสาน  และ  ควบคุมวงดนตรี  โดย  คุณดำริห์  บรรณวิทยกิจ / นพ  ประทีปเสน  คู่กรรม  เดอะ  มิวสิคัล นำแสดงโดย Seigi  Ozeki  ซึ่งรับบทเป็น  โกโบริ  ชายที่มีรักแท้และมั่นคงในคำสัญญา  คุณน้ำมนต์  รับบท  อังสุมาลิน  หญิงใจแกร่งที่กว่าจะรู้ใจตัวเองก็สายเกินไป

     โดยส่วนตัวแล้วชอบนวนิยายเรื่องนี้มากมาย  อ่านทีไรร้องไห้ได้ทุกครั้ง  พอมาเป็นละครทีวีทางช่อง  7 นำแสดงโดยพี่เบิร์ด  และน้องกวาง  ก็ยังซาบซึ้งเหลือหลาย  จำได้ว่าถ้าคู่กรรมเล่นเมื่อไรถนนจะว่างทันที...หุ...หุ  ยิ่งตอนจบ  โกโบริกำลังจะตายด้วยแล้ว  แม่ค้าเลิกขายของกันเลยทีเดียวค่ะ  น้ำตาท่วมจอ 


     พอ DB จับนวนิยายเรื่องนี้มานำเสนอในรูปแบบละครเวที  ไม่มีบทพูดเลย  เล่าเรื่องราวด้วยบทเพลงตลอดเรื่องก็ยิ่งน่าติดตาม  แต่ยอมรับเลยค่ะว่าไม่ได้ดู  เสียดายมากจนถึงวันนี้  (เนื่องจากเมื่อก่อนไม่เปิดตัว  ไม่รับรู้โลกภายนอก  ทำให้พลาดโอกาส ดี ๆ นี้ไป)  และแล้ววันหนึ่งเทวดาก็ลใจให้พี่ลิงนำ  คู่กรรม เดอะ มิวสิคัล มาฉายในรูปแบบของบันทึกการแสดงสด  Koogam  on  screen  ก็เลยไม่มีคำว่าลังเลอีกแล้วในหัวสมอง  จัดการให้เพื่อนช่วยจองตั๋วให้ทันที  ฉันจะไม่ยอมพลาดอีกแล้ว  (ต้องขอบคุณทิพย์มาก ๆ เลยจ้า)

     วันนั้นโชคดีที่พี่ลิงก็ยังไม่ได้ดูด้วยเหมือนกัน  ก็เลยเข้าไปนั่งดูด้วยกัน  รวมทั้ง  ปิ๊ก  และหมู่มวลของคู่กรรมหลายคน  ภาพชัด  เสียงเพราะ  ทุกอย่างลงตัวนะ  ในความรู้สึกของฉัน  น้ำตายังตกอยู่เหมือนเดิม ไม่รู้ว่าจะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างไร ทุกคนเก่งมาก ๆ โดยเฉพาะพระเอกของเรื่อง  Seigi  Ozeki  มีความพยายามมาก ๆ ในการร้องเพลงเป็นภาษาไทย  ตอนนั้น  Seigi เพิ่งจะมาเมืองไทยใหม่ ๆ มีเวลาซ้อมแค่ประมาณ 2 เดือน ทำได้ถึงขนาดนี้ทึ่งในความพยายามจริง ๆ แต่คนที่อดทน  ฮึด  อึด  และพยายามมากที่สุดเห็นจะเป็น  พี่ลิง  ผู้กำกับคนเก่งของเราที่เคี่ยวพระเอกจนเกือบจะไหม้ซะเลย  ทำให้คนญี่ปุ่นที่พูดและฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง  สามารถมาเล่นละครเพลงไทยได้ดีขนาดนี้  ยกนิ้วโป้งให้  2  นิ้วเลยค่า

     แต่น่าเสียดายมาก ๆ ที่  พี่ลิง  ไม่ยอมใจอ่อน  นำ  คู่กรรม  เดอะ  มิวสิคัล  มาลงแผ่นให้พวกเราได้จับจองเป็นเจ้าของกัน อ้อนก็แล้ว ขู่ก็แล้ว  เหลือแต่บีบคอที่ยังไม่ได้ทำ  555+  แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ  วันเกิดของคู่กรรม  เดอะ  มิวสิคัลเมื่อไรก็จัดฉายให้พวกเราได้ดูกันให้หายคิดถึงก็ได้ค่ะ  (จะได้ดูว่าตอนเด็ก ๆ หน้าตานักแสดงเป็นยังไง)

     ประทับใจค่ะ  ชอบมาก ๆ ๆ ๆ มันเป็นเรื่องราวจริง ๆ ละครเวทีเรื่องนี้  ต้องใช้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความสามารถ ความอดทน ฮึด อึด แรงกาย แรงใจ และกำลังใจ และผลที่ได้รับกลับมาก็คือ  คุ้มค่าจริง ๆ ค่ะ  ขอบคุณ  Dreambox ขอบคุณพี่ลิง  ขอบคุณพี่ไก่ ขอบคุณ Seigi  ขอบคุณ คุณน้ำมนต์ ขอบคุณทีมงานและนักแสดงทุก ๆ ท่านที่ทำให้เกิด คู่กรรม เดอะ  มิวสิคัล ขึ้นมาในวันนี้  ทุกฉาก  ทุกตอน  ทุกเนื้อร้อง  ทุกทำนอง  เปี่ยมไปด้วยความพยายาม  อดทน  ทุ่มเทอย่างเต็มที่  ขอบคุณจากใจค่ะ









ยินดีด้วยกัยฑูตวัฒนธรรมไทย ประจำปี 2554 (15 พฤศจิกายน 2554)

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2553  เวลา  14.00  น.  ณ  โรงละครแห่งชาติ  (โรงเล็ก)  ได้มีการเปิดตัวภาพยนต์อิงประวัติศาสตร์  เรื่อง  ซามูไรอโยธยา  (Yamada  The  Samurai  Of  Ayothaya)  ขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยเนื้อเรื่องเกี่ยวกับชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่ง คือ ท่านยามะดะ  นางามาสะ ซึ่งสวมบทบาทโดย  Seigi  Ozeki  (เซกิ  โอเซกิ) ที่เข้ามาทำงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  และรักในแผ่นดินไทยยิ่งชีวิต  "ถึงแม้มิใช่แผ่นดินเกิด  แต่จักขอเป็นแผ่นดินตาย"  มีนักแสดงนำคือ
คุณ  Seigi  Ozeki , คุณสรพงษ์  ชาตรี , คุณธรรมรส  ใจชื่น ,  คุณบัวขาว  ป.  ประมุข ,  คุณวินัย  ไกรบุตร  และนักแสดงร่วมอีกมากมาย  ซึ่งล้วนแต่ฝีมือจัดจ้านในการแสดงทั้งสิ้น 
กำกับการแสดงโดย  คุณนพพร  วาทิน


ขอบคุณ http://www.youtube.com/  และข้อมูลจาก  http://www.thaicinema.com/

          และเนื่องในโอกาสนี้สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยได้แต่งตั้งให้นักแสดงนำของเรื่อง  คือ  คุณเซกิ  โอเซกิ  และ  คุณบัวขาว  ป.  ประมุข  เป็นฑูตวัฒนธรรมไทย  โดยมีคุณวิฑูรย์   กรุณา  อดีตดาราชั้นนำของไทยเป็นประธานในการคัดเลือก  และเป็นผู้มอบประกาศเกียรติคุณอันทรงเกียรตินี้ให้กับนักแสดงทั้งสองท่าน






         ขอแสดงความยินดีกับคุณเซกิ  โอเซกิ  และคุณบัวขาว  ป.  ประมุข  (อีกครั้ง...หลังจากที่ร่วมแสดงความยินดีกันไปแล้วเมื่อวันที่  9  พ.ย.  53)  ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนอันทรงเกียรติในครั้งนี้  โดยเฉพาะ  คุณเซกิ  เป็นคนต่างชาติที่มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะเรียนรู้ภาษาไทย  ศิลปะวัฒนธรรมไทย  ประเพณีไทย  รวมทั้งการใช้ชีวิตแบบไทย ๆ จนเดี๋ยวนี้แทบจะกลายเป็นคนไทยคนหนึ่งแล้วค่ะ  คุณเซกิ  มีความตั้งใจในการทำงานทุกชิ้นให้ออกมาดีที่สุด  ทำงานอย่างสุดความสามารถ  ยกนิ้วโป้งให้เลยค่ะ  จากนี้ไปท่านฑูตทั้งสองคงจะมีภาระกิจมากมายในการเผยแพร่  และแลกเปลี่ยนศิลปะวัฒนธรรมระหว่างไทย - ญี่ปุ่น  ขอให้ตั้งใจ  ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดนะคะ  ฉันจะคอยเป็นกำลังใจให้ค่ะ  Seigi  Ozeki Fight... ,  คุณบัวขาว  สู้ ๆ ค่ะ...^U^

Yamada ซามูไรอโยธยา หนังดีที่น่าติดตาม (2 ธันวาคม 2553)


     เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 ฉันได้มีโอกาสไปชมภาพยนต์ YAMADA ซามูไร อโยธยา รอบสื่อมวลชน ที่สยามพารากอน โดยภายในงานจัดให้มีการสัมภาษณ์นักแสดงบนเวที พร้อมทั้งจัดโชว์ศิลปะมวยไทย พร้อมทั้งจัดของว่าง ประกอบด้วย ซูชิ  ข้าวยำทอด โดรายากิไส้ถั่วแดง ลูกชุบ  และน้ำดื่มไว้ให้บริการแก่สื่อมวลชนและผู้เข้าร่วมงาน  บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก  สื่อมวลชนพร้อมทั้งนักแสดงนำ ผู้กำกับภาพยนต์ และผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง แต่ฉันไม่ทราบว่าทางสยามพารากอนจะเปิดเครื่องปรับอากาศเบาไป หรือว่าเพราะจำนวนผู้ที่มาร่วมงานมีมากมาย จนทำให้อากาศร้อนพอสมควร (Seigi โพสต์ท่าถ่ายรูปไปก็ซับเหงื่อไปพลาง แถมยังแอบกระซิบถามฉันอีกต่างหากว่าร้อนมั้ย 555+ ฉันก็ตอบว่าร้อนเหมือนกันแหละ ก็มันร้อนนี่หว่า  สภาพเช็ดเหงื่อไม่ต่างกันหรอก)  เมื่อให้สัมภาษณ์และถ่ายภาพกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเข้าชมภาพยนต์กันตอน 20.30 น. ฉันมีความรู้สึกว่า ภาพยนต์เรื่องนี้ทำให้ฉันรักในบ้านเกิดเมืองนอน และศัทราในคำว่า เพื่อนขึ้นอีกมากมาย ฉันรู้สึกขอบคุณภาพยนต์เรื่องนี้มากที่นำมาฉายได้ถูกจังหวะเวลา ในช่วงที่ประชาชนชาวไทยแบ่งเป็นสี แบ่งเป็นมาตรฐาน และเนื่องจากฉันได้ติดตามและรับรู้ถึงเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนต์เรื่องนี้มาพอสมควร  จึงทราบถึงความยากลำบากในการถ่ายทำ  อุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น  ความทุ่มเทแรงกาย  แรงใจของทีมงานและนักแสดงทุก ๆ ชีวิต  ขอบคุณพี่มด นพพร  วาทิน ผู้กำกับผู้ทุ่มเท  ขอบคุณ Seigi  Ozeki  พยายามเป็นอย่างยิ่ง ทุ่มเท มานะ บากบั่น เพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด  ขอบคุณนักแสดงทุกท่านที่ฝากฝีมือไว้กับภาพยนต์เรื่องนี้อย่างเต็มที่  ขอบคุณทีมงานทุก ๆ คน ที่สร้างสรรค์ผลงานให้พวกเราได้ยลโฉมกัน  YAMADA ซามูไร อโยธยา  ฉายแล้วที่โรงภาพยนต์วันนี้  (2 ธ.ค. 53) เชิญเพื่อน ๆ ทุกท่านไปชมความยิ่งใหญ่ของภาพยนต์เรื่องนี้กันนะคะ



















          YAMADA  ซามูไร อโยธยา นำแสดงโดย Seigi  Ozeki  ธรรมรส  ใจชื่น  บัวขาว ป. ประมุข  สรพงษ์  ชาตรี  และนักแสดงสมทบอีกคับคั่ง  กำกับการแสดงโดย  นพพร  วาทิน
ขอบคุณภาพจากทีมงานมหากาพย์ค่ะ

Yamada Samurai Ayothaya (13 ธันวาคม 2553)


     ซามูไรอโยธยา  (YAMADA)  หลังจากที่ฉันได้ไปชมภาพยนต์เรื่องนี้รอบสื่อมวลชนที่ผ่านมาแล้ว     ก็ตั้งใจไว้ว่าจะต้องหาเวลาไปดูซ้ำให้ได้อีกซัก 3 รอบ (จนมาถึงวันนี้ ก็ 4 รอบแล้วค่ะ) เพราะว่าฉากแต่ละฉากสวยงามมาก  สมจริง  แอ็คชั่นเร้าใจ  เล่นจริง  เจ็บจริง  เก็บรายละเอียดได้ดีมากทุกฉาก  มีคำพูด  คม ๆ แฝงไว้ในเรื่องโดยตลอด  มีทั้งแอ็คชั่นและดราม่า  คุ้มค่าจริง ๆ ค่ะ  การถ่ายทำก็ละเอียด  เดินเรื่องไม่สับสน  ทุก ๆ ฝ่ายทุ่มเทในการทำงานอย่างจริงจัง  ทั้งเบื้องหลัง  และนักแสดง

เรียกว่ายอมเล่นจริง  เจ็บจริงกันเลยทีเดียว  โดยเฉพาะพระเอกของเรื่อง  ท่านยามาดะ  นางามาสะ  ซึ่งสวมบทบาทโดยนายแบบหนุ่มหน้าใสจากแดนอาทิตย์อุทัย  Seigi  Ozeki  ซึ่งฝากผลงานให้พวกเราได้ยลโฉมกันมาแล้วใน  คู่กรรม เดอะมิวสิคัล , คู่แรด และนอกจากนี้ยังมีมิวสิควิดีโอ ฯลฯ Seigi  ทุ่มเทกับภาพยนต์เรื่องนี้เป็นอย่างมาก  ตั้งใจที่จะเปิดเผยตัวตนของท่านยามาดะอย่างเต็มที่ ทั้งซ้อมมวยไทย  ตั้งใจพูดภาษาไทยให้ชัดที่สุด  ฝึกการออกเสียงทั้งตัว  ร , ล และตัวควบกล้ำ  ถึงแม้ว่าจะยังฟังดูแปร่ง ๆ ไปบ้าง  แต่เทียบกับความตั้งใจแล้วเอาคะแนนเต็มไปเลยค่ะ  ยังไม่รวมถึงที่บาดเจ็บระหว่างถ่ายทำ เรียกว่า Seigi - san มีแรง มีฝีมือเท่าไหร่งัดออกมาแสดงอย่างเต็มที่แหละค่า

          หลังจากที่ชมภาพยนต์เรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก อยากบอกว่าไม่เบื่อเลยค่ะ  ยิ่งดูยิ่งรักเมืองไทย โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบภาพยนต์แนวนี้มาก  ไม่ว่าจะเป็น สุริโยทัย , ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช , พระเจ้าตากสิน หรือแม้แต่ละครทีวีเรื่องทวิภพ  มันทำให้ฉันนึกอยู่เสมอว่าถ้าคนไทยไม่สามัคคีกัน แก่งแย่งกันเป็นใหญ่ จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศของเรา ที่ผ่านมาเราเจ็บช้ำมามากกับการเสียดินแดน ไม่ว่าจะเป็นยุคไหนก็ตาม ความเจ็บปวดจากการเสียดินแดนนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง ความรู้สึกที่จะต้องเป็นทาส  เป็นเชลย ไม่ได้เจ็บปวดแค่ร่างกาย  แต่มันเจ็บปวด  ร้าวรานในจิตใจที่ถูกเหยียบย่ำจนศักดิ์ศรีความเป็นคนไม่มีเหลือ  เราคงไม่อยากเห็นประเทศไทยในปัจจุบันเป็นแบบเดียวกับในอดีต  เพราะฉะนั้นพวกเราต้องช่วยกัน  รักและสามัคคีกันเพื่อนำพาประเทศไทยให้อยู่รอดต่อไป  เหมือนกับท่านยามาดะ  ที่มีความรักในแผ่นดินไทยจนฝากชีวิต  ฝากร่างกายและจิตใจไว้ที่เมืองไทยค่ะ











































แด่...นังสางหมาวัด

     รูปนี้เป็นรูปสุดท้ายของนังสาง ถ่ายไว้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ที่วัดขวิด บ้านใหม่ของนาง นางมาอยู่ที่นี่ได้ไง บ้านเก่านางล่ะ ท...