วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การปรับตัวและยอมรับในความเปลี่ยนแปลง

          วันนี้เป็นวันที่สองที่ฉันได้เข้ามาทำงานในโรงค้าไม้กือหลีหน้าบ้านนี่เอง  นับจากวันที่ 1 พ.ย. 2554 ที่ฉันได้ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากการทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการงานอาคารสถานที่ของวิทยาลัยเทคนิคอ่างทอง ฉันทำงานที่เทคนิคอ่างทองมา 12 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น เงินเดือน 6,100 บาท ที่ได้มาก็เพิ่งจะได้มาเมื่อก่อนลาออกไม่กี่เดือน ถึงแม้จะมีเงินทำงานล่วงเวลาอีกวันละ 100 บาท แต่ใน 1 เดือน ต้องไม่เกิน 22 วัน  นั่นคือ  เต็มที่ 2,200 บาท ส่วนเรื่องค่าครองชีพสำหรับผู้ที่มีเงินเดือนไม่ถึง 10,000 บาทนั้น ก็ได้บ้างเป็นบางภาคเรียน แรก ๆ ได้เฉลี่ยกันคนละ 500 บาท ต่อมาก็มีการประเมินจากคณะกรรมการผู้ที่มีความยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง และจัดระดับการจ่ายเงินค่าครองชีพออกเป็น 3 ระดับ คือ 700 , 1,000 และ 1,500 บาท  แน่นอน  ฉันอยู่ในกลุ่ม 700 บาท ต่ำสุด รุ่งขึ้นก็มีการประกาศคะแนนที่กรรมการผู้ประเมินให้แก่พวกฉัน ซึ่งฉันทำงานมา กว่า 10 ปี ได้คะแนประเมิน 70 กว่า ๆ ส่วนคนที่เพิ่งทำงานได้ไม่ถึง 6 เดือน ได้คะแนน ระดับ 85 ขึ้นไปทั้งนั้น แต่ก็ยังไม่ได้คิดมากอะไร เพราะว่าพวกครู ๆ ที่เค้าทราบเรื่องต่างวิพากษ์วิจารณ์ (ด่า) กรรมการกันทั้งสิ้น ต่อมาก็ถัวเฉลี่ยให้คนละ 1,000 บาทเป็นเวลา 5 เดือน ปกติแล้วพวกฉันเป็นลูกจ้างชั่วคราว ต้องต่อสัญญาทุกปี แรก ๆ ถึงเวลาก็นำเอกสารมาต่อสัญญา  พอมาช่วงซัก 4 - 5 ปีหลังมานี่ (นับปี 2554 เป็นปีแรกแล้วย้อนกลับไป 2553) พวกฉันต้องสอบเพื่อคัดเลือกเข้าเป็นลูกจ้างชั่วคราวทุกปี ตามระเบียบที่วิทยาลัยฯ อ้างถึง ต้องทำบันทึกการปฏิบัติหน้าที่ประจำวันว่าวัน ๆ นึงของพวกฉันทำอะไรบ้าง มีปัญหาอะไร แก้ไขหรือยัง มีแนวทางในการพัฒนางานยังไง โดยเฉพาะปี 2553 - 2554 อยู่ดี ๆ มีบันทึกเลิกจ้างจากทางวิทยาลัยฯ ช่วงที่ฉันได้สิทธิ์หยุดงานตอนปิดเทอมพอดี ให้มาทำการสมัครสอบใหม่หมดทุกอย่างโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ  ฉันก็มาสมัครสอบใหม่ บังเอิญว่ามีน้องคนหนึ่งเพิ่งจะคลอดลูกได้ 2 - 3 วัน ก็ต้องมาสมัครและมาสอบทั้ง ๆ ที่นมคัด  น้ำนมไหลเปียกอยู่ยังงั้น  รายการต่อมาก็คือหมดสัญญาจ้างสิ้นเดือนกันยายน คราวนี้ฉันไม่ต้องสอบ  แต่สัญญาต่อแค่สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2555 โดยวิทยาลัยฯ แจ้งว่าหากต่อสัญญาปีละ 1 ครั้งเหมือนเดิม จะต้องมีการสอบตามระเบียบ และก็ยังต้องทำบันทึกการปฏิบัติงานประจำวันรายงานเหมือนเดิม แล้วอนาคตของฉันจะเป็นอย่างไรต่อไป

          มาช่วงน้ำท่วมปี 2554 โรงค้าไม้กือหลีได้สอบถามฉันว่าพอจะมีเด็กจบใหม่ที่เป็นคอมพิวเตอร์บ้างไหม เพราะว่าเครือซีเมนต์ไทยจะนำโปรแกรม  พร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์มาลงให้ที่ร้าน ต้องการคนมาทำงานด้วยแต่ไม่อยากประกาศรับหน้าร้าน  เนื่องจากต้องการคนที่คุ้นเคย และมีพื้นเพที่ทางร้านรู้จัก ฉันเลยตัดสินใจลาออกมาจากวิทยาลัยเทคนิคอ่างทอง เพื่อมาทำงานที่โรงค้าไม้กือหลี  โดยทางโรงไม้ให้เงินเดือนในขั้นต้น 6,500 บาท  ซึ่งน้องชายของฉันได้เข้ามาทำงานอยู่ที่ร้านนี้ก่อนแล้ว จากที่เห็นน้องชายฉันได้เงินเดือนขึ้นบ่อย ปีละครั้งหรือสองครั้ง ได้โบนัสตอนตรุษจีน และนายจ้างก็ใจดีซื้อกับข้าว  ของกิน  ขนมสารพัดให้มา อีกทั้งยังอยู่ใกล้บ้าน เข้างาน 08.00 น.  เลิกงาน 17.00 น. ไม่ต้องขับรถไกล ๆ เพื่อที่จะเข้างานให้ทัน 07.45 น. และเลิกงานตอน 18.30 น. ไม่ต้องมีเจ้านายหลายคน ซึ่งแต่ละคนต่างก็ต้องการให้ได้มาซึ่งงานที่ตัวเองสั่งการและต้องได้ผลที่ดีมาก ๆ ด้วย จนหลาย ๆ ครั้งที่ไม่นึกถึงจิตใจของผู้ปฏิบัติงานเท่าไหร่นัก  ฉันคิดว่าฉันตัดสินใจถูก

          ถึงแม่ว่าฉันจะต้องทำงานวันจันทร์ - เสาร์  ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีวันหยุดพิเศษเหมือนกับที่เคยหยุดมาเมื่อตอนทำงานที่เทคนิคอ่างทอง  แต่สิ่งที่ฉันได้กลับมาคือมีเงินเดือนขึ้น  มีโบนัส  ได้ส่งหลาน ๆ กลับบ้าน  ได้เห็นหน้าพ่อ - แม่ สามเวลา อีกอย่าง หากพ่อ - แม่ เป็นอะไรไปก็จะได้อยู่ดูใจกันทัน ไม่ใช่ว่าฉันแช่งพ่อแม่นะคะ แต่บทเรียนจากที่อาเจ็กเสียเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2554 นั่นเป็นเครื่องเตือนใจฉันได้อย่างดี มาจนวันนี้ฉันยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียครั้งนั้น หากฉันทำใจได้เมื่อไหร่ ก็จะเขียนบันทึก ถ้าเขียนตอนนี้ฉันต้องร้องให้แน่ ๆ มาว่ากันต่อเรื่องย้ายที่ทำงาน ด้วยความเคยชินกับความสบายที่ได้รับมาสมัยก่อ่น ในบางครั้งมันทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่า "นี่ฉันคิดผิดหรือถูก  ฉันเสียวันหยุดตามราชการตั้งหลายวัน แถมต้องทำงานวันเสาร์ อีกทั้งยังไม่ได้ไปเที่ยวไหน ๆ เหมือนก่อน" แต่พอมาคิดในด้านความสบายใจ  สบายกาย ฉันคิดว่าอยู่ทีบ้านนี่แหละดีแล้ว อยากจะเข้า กทม. ตามหลานไป ก็ไปตอนงานเลิกก็ได้  หรือขอออกก่อนเวลาซักชั่วโมงก็ได้ หรือถ้าจะไปหาเซกิ  ไปดูละคร ก็ลาสิคะ  จะหักเงินก็หักไป เพราะสังคมของฉันมาไกลแล้ว การที่จะให้ทิ้งสังคมของฉันไปก็ไม่มีทาง ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะมีปัญหาเกี่ยวกับการเรียกชื่อสินค้าภาษาที่ทางร้านใช้ขายอยู่ กับภาษาเรียกสินค้าที่โปรแกรมกำหนดมามันไม่ตรงกันนัก ฉันก็จะเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ของแบบนี้ต้องใช้เวลา  ไม่มีใครเรียกถูกมาตั้งแต่เกิด ทำบ่อย ๆ เข้าก็ซึมซับไปเอง  ต่อไปจะได้ช่วยเค้าขายของหน้าร้านตอนยุ่ง ๆ ได้บ้าง  เขียนบิลเป็นบ้าง  ฉันไม่มีถอยอยู่แล้ว  แต่ท้อน่ะมีบ้าง  ยากกว่านี้ก็ทำกันมาแล้ว  แต่พอมานึกถึงความลำบากใจเมื่อตอนที่อยู่เทคนิคอ่างทองมันทำให้ฉันมีแรงฮึด  ฉันไม่ต้องโดนคำสั่งมาทำงานวันหยุด  ไม่ต้องโดนคำสั่งทำแฟ้มประเมินต่าง ๆ จนเที่ยงคืน ตี 1 ตี 2 แล้วก็ขี่รถเครื่องกลับบ้าน  ไม่ต้องฝ่าฝน  ไม่ต้องฝ่าลมหนาว รวมทั้งไม่ต้องเสียใจเพราะคน ๆ นั้น ตอนนี้ฉันอาจจะเสียใจอยู่ในหลาย ๆ เรื่องกับคน ๆ นั้น แต่ต่อไปฉันใจของฉันจะดีเหมือนเดิม  ฉันเข้มแข็งน่า  ไม่อย่างนั้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ฉันคงจะฆ่าตัวตายไปนานแล้ว อุปสรรคจิ๋ว ๆ แค่นี้  ฉันจะผ่านมันไปให้ได้  และด้วยดีด้วย.....สู้ ๆ ไฟว์โตะ...กัมบัตเตะ...กัมบัตตะเนะ...^_^  ฉันจะยิ้มสู้ชีวิตเสมอ

แด่...นังสางหมาวัด

     รูปนี้เป็นรูปสุดท้ายของนังสาง ถ่ายไว้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ที่วัดขวิด บ้านใหม่ของนาง นางมาอยู่ที่นี่ได้ไง บ้านเก่านางล่ะ ท...