วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2567

แด่...นังสางหมาวัด

     รูปนี้เป็นรูปสุดท้ายของนังสาง ถ่ายไว้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ที่วัดขวิด บ้านใหม่ของนาง นางมาอยู่ที่นี่ได้ไง บ้านเก่านางล่ะ ทำไมนางต้องมีบ้านใหม่ และนางเป็นใคร และนี่คือเรื่องราวของนาง

     เมื่อ 3 ปีก่อน ที่เทศบาลตำบลโพธิ์ทองไฟไหม้ เราได้ย้ายสำนักงานมายังอาคารเรียนเก่าของโรงเรียนอนุบาลโพธิ์ทอง วัดเกาะ เราพบนางนอนอยู่ที่อาคารเรียนนี่ล่ะ สภาพนางเฟอะทั้งตัว กลิ่นงี้แรงแบบร้อยเมตร ผิวหนังมีแผลแฉะ ๆ เยิ้ม ๆ คันคะเยอะทั้งตัว หูก็หงิก นอนตรงไหนก็เหม็นตรงนั้น ใคร ๆ ก็รังเกียจนาง ไล่นาง เราสงสาร ก็เลยปรึกษาเหน่ง ถ่ายรูปนางให้หมอเปีย สามีเหน่งดูแล้วจ่ายยามาให้กิน ช่วงนั้นกินติด ๆ กันทุกวัน จนสภาพผิวนางดีขึ้นมาก กลิ่นจางลง คันน้อยลง

     






หลังกินยายังมีแผลเหลืออยู่ให้เห็นบ้าง แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมากกว่าแรก ๆ หูนางหายหงิก แต่ก็กลายเป็นหูตกข้างนึง ตั้งข้างนึง ขนเริ่มหนาขึ้น อาการคันยังมีอยู่









     สภาพเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปตอนนางเป็นเยอะ ๆ ไว้ ตอนที่เจอกันใหม่ ๆ น่ะ ตอนนี้เหลือแค่ความทรงจำละ











     นี่คือไอ้เขียวหมาพี่ใบ้ทั้งคู่ ไอ้เขียวมาแค่ช่วงเช้ากับช่วงเย็นเลิกงาน มารอกินที่ป้าติ๋ว


     ส่วนนี่คือไอ้ขาว ตอนมาใหม่ ๆ ถูกฟันปากมา แย่งกินเก่งมาก พร้อมแย่งทุกตัวตลอดเวลา






นี่คือนังแดงเจ้าถิ่น มาจากฝั่งโรงเรียน นิสัยดี แต่ชอบกวดคน ไม่ใช่กวดทุกคน กวดเฉพาะพวกรุ่มร่าม หรือคนที่นางคิดว่าน่าสงสัย คือนางหวงของแหละ 



















     นังแดง นางกินช้า พิจารณาเยอะ งับแมลงวันมั่ง แมลงหวี่มั่ง เวลาให้นางกินต้องคอยเฝ้า ไม่งั้นถูกแย่งหมด นางกินหมดเป็นตัวสุดท้ายทุกครั้ง









     พวกนางมีจาน มีชามเป็นของตัวเอง เราล้างให้ทุกครั้งสะอาดหมดจด น้ำกินเปลี่ยนให้ เก็บกวาดที่กินทุกครั้งไม่มีเลอะ













ช่วงนั้นเรามาให้อาหารนางทุกวันหยุด สมาชิกก็จะมีนังแดงขาประจำ มีนังสาง ต่อมาก็มีไอ้เขียว กับ ไอ้ขาว ที่ถูกฟันปากมาขออาศัยกินด้วย วันธรรมดาพวกห้องคลังเค้าจะให้กิน 

     สาง  นางนิสัยดี แต่ค่อนข้างตะกละ กินไม่อิ่มสักที นางเรียบร้อย ไม่กวดใคร ไม่กัดใคร กินอิ่มแล้วก็ไปหาที่นอน ซึ่งไม่พ้นหน้าห้อง หน้าตึก ทางเดิน  ทำให้เป็นที่รำคาญตาของคนหลายคน มีเสียงไล่ เสียงด่าลอยมากระทบบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็ยังมีป้าติ๋วค้ำอยู่ เลยไม่กระเทือนมาก เรื่องมาเกิดหลังจากที่ป้าติ๋วเกษียณอายุราชการไปเมื่อ 30 กันยายน 2564 พอไร้เงาป้าติ๋ว นังพวกนี้ก็ได้รับความเดือดร้อนทันที เริ่มต้นจาก
     รักษาการณ์ ผอ. กองคลังเข้าห้อง อีกี้ ก็ต้องกระเด็นมาอยู่กับเรา นางไม่มีที่ไปแล้ว ถ้าไม่รับไว้ นางก็จะถูกด่า ถูกตี ถูกไล่ เพราะคนใหม่ไม่เหมือนป้าติ๋ว ที่รักและเมตตามันเสมอ
     น้าเยาว์ มาบอกให้เราเลิกให้อาหารหมา เพราะรับปาก....ไว้ .....คนนั้นเค้าพูดปาว ๆ ว่า คุยกันแล้ว นายกบอกแล้ว เค้าจะย้ายหมาวัด ไปปล่อยที่อื่น บ่อขยะบ้าง วัดอื่นบ้าง ทำให้เราเครียดทันที อย่างแรก สาง ต้องกินยาประจำ ไม่งั้นจะเหม็นและเฟอะเหมือนเดิมอีก ตัวอื่นล่ะจะทำไง มันทำให้เบื้องหลังคนรักสัตว์มาปรึกษากัน จนได้ข้อสรุปว่า 
          นังแดง หัวหน้ากองการศึกษาจะรับไปอยู่ด้วย 
          ส่วนนังสาง กะ ไอ้ขาว จะให้ไปอยู่ที่วัดหนองกระดี่ที่อ่างทอง เพราะน้าแฟตไปช่วยสร้างคอก นางจะได้มีที่อยู่ที่กิน แล้วเราค่อยไปเยี่ยมเยียนนาง
          ไอ้เขียว ทำอะไรไม่ได้ หมาวัด มันไม่ได้มานอนตลอด 

     เราก็คุยกับกับขวัญ มันก็ช่วยหาทางให้ บอกพระที่วัดขวิดเรื่องของ สาง กับ ไอ้ขาว พระท่านก็เมตตามัน ให้มันมาอยู่ด้วย บอกเอามาเหอะ มีของกินเยอะ มีที่อยู่ คนไม่พลุกพล่าน นึกถึงตอนเราไม่มีที่อยู่ จะได้มีคนเมตตา


  
    
           ขวัญติดต่อหลวงพ่อที่วัดขวิดให้ ขอพาสางไปอยู่ด้วยอีกตัว หลวงพ่ออนุญาต เราเป็นคนใส่โซ่ ส่งสางขึ้นรถกับมือเราเองนี่ล่ะ ก่อนจะไปส่งวัดประมาณ 3 วัน สางกินข้าวปกติ แต่ตาดูขุ่น ๆ มัว ๆ หลังจากไปที่วัดแล้ว เราก็ไปหาตอนเย็น ซื้อหนมปังไปด้วยอีกหลายอันเผื่อเพื่อนสางด้วย เราอยู่เป็นเพื่อนนางพักนึง ให้กินหนมปัง พระเจ้าอาวาสก็ออกมาคุยด้วย บอกไม้ต้องห่วง จะดูให้ ขากลับ เราก็บอกสางว่า มะรืนนี้จะเอายามาให้กินนะ อยู่นี่ไม่ดื้อนะ พอขับรถออกสางก็จะวิ่งตามมา หลวงพ่อท่านจับไว้บอกว่าอยู่นี่กับหลวงพ่อแหละ อย่าไปเลย 
          พอถึงวันนัด ตอนเช้าแต่งตัวมาทำงานก็นึกอยู่ในใจว่า เย็นนี้จะไปหาสาง เอาหนมปัง เอายาไปป้อน พอมาถึงที่ทำงานได้สักแป๊บ น้าสาก็เข้ามาบอกว่าให้ทำใจดี ๆ นะ หลวงพ่อวัดขวิดเค้าฝากมาบอกว่าสางมันถูกรถชนตายแล้ว มันจะตามหลวงพ่อไปรับบาตร หลวงพ่อเค้าไม่ให้ไปมันก็เดินกลับวัด ขากลับถูกรถชน หลวงพ่อเค้าฝังแล้ว เราก็แอบไปร้องให้ยกใหญ่ หาที่อยู่ให้ได้แล้ว สบายแล้ว ก็ยังไม่วาย แรก ๆ โกรธทุกคนที่มีส่วนทำให้สางต้องย้ายที่อยู่ แต่พอเวลาผ่านไป ถามว่ายังโกรธไหม โกรธนะ ใครทำอะไรกันไว้ก็ต้องรับกันไป ช่วยอะไรไม่ได้ 
          สำหรับสาง นางไปสบายแล้ว เวลาเราทำบุญก็จะอุทิศกุศลให้ทุกครั้งไม่เคยขาดป่านนี้นางคงไปเกิดใหม่ อยู่ในที่ดี ๆ แล้วล่ะ แต่ก็ยังคิดถึงนางเสมอ ใครจะรังเกียจก็ช่าง เราไม่เคยรังเกียจนาง สางคงรับรู้ล่ะ
          มาจนวันนี้ คนที่เค้าเคยรังเกียจสาง เค้าก็เจอกับอะไรหลาย ๆ อย่าง ต้องย้อนกลับมาขอยืมเงินเราใช้ คนเราไม่มีใครพ้นกรรม ทำอะไรไว้ก็ต้องตามชดใช้กันไป สำหรับเรา ยังไม่เคยลืมสาง นึกถึงเสมอ ใส่บาตรก็อุทิศบุญให้ตลอดไม่ว่าสางจะอยู่ที่ไหน ไปเกิดเป็นอะไร ก็ขอให้ผลบุญติดตามตัวไปช่วยอุดหนุน ค้ำชู อย่าให้ตกต่ำ อย่าให้ลำบาก 
          ที่ของสางคงอยู่ตรงนั้น กรรมกำหนดมาแบบนั้น เราเองก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้ว ก่อนจะไปไว้ที่วัดขวิด ก็พาไปไว้ที่บ้านเฮียชิต ก็คอยจะหลบออกมา เดี๋ยวหายไปล่ะ ตามไม่เจอแน่ เราเลยต้องพามาไว้ที่เทศบาลเหมือนเดิม จนต้องไปวัดขวิด แล้วก็เกิดเหตุข้างต้นตามมา 
          จนทุกวันนี้ สางยังอยู่ในใจเราเสมอ อยากบอกสางนะ ขอให้สางรับรู้ เราไม่เคยรังเกียจสางนะ อยากให้หาย ถึงได้เอายามารักษา รัก และเป็นห่วง นึกถึงสางเสมอ ไม่เคยลืม ส่วนนังแดง ก็ยังนึกถึง แต่จนปัญญา ได้แต่ถามข่าวคราวจากปุ๊กเอา เป็นอันว่า ปิดฉาก นังสาง วัดเกาะ






 


 

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2564

โควิด-19

 

          โควิด -19 อยู่กับคนไทยมาเกือบครบ 2 ปีแล้ว มันทำให้คนไทยสูญเสียอะไรหลาย ๆ อย่าง บางคนสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีจะกิน บางครอบครัวต้องเสียคนที่เป็นที่รัก เป็นเสาหลัก แทบหมดครอบครัวก็มี

          ฉันก็สูญเสียบุคคลที่รักและเคารพเปรียบเสมือนญาติสนิท ครูเฉลิมพล ศรีอิทยาจิต ท่านจากไปอย่างไม่มีวันกลับเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2564 เวลา 06.00 น.

          ครูเฉลิมพลท่านเป็นคนที่ดีมาก ยิ้มกว้าง หัวเราะอยู่ตลอดเวลา ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิม วัดพระขาว อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สมัยหลวงปู่ยังชีวิตอยู่ ครูเฉลิมพลจะไปวัดทุกวันหยุด ใครให้ดูดวงให้ ครูก็ยินดีใครให้ค่าดูครูก็หย่อนลงตู้รับบริจาคที่วัดหมดทุกบาททุกสตางค์ 

          ครูเฉลิมพลดูดวงเก่งที่สุด แม่นที่สุด บอกว่าภายใน 15 วัน ก็ 15 วัน 45 วัน ก็ 45 วัน ที่สำคัญ ทุกคำแนะนำของครูสามารถนำมาใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และยังไม่ต้องเสียเงินทำพิธีนู่นนี่นั่น ถ้าจะเสียก็เสียเงินซื้อของใส่บาตรทำบุญตามกำลังแหล่ะค่ะ

          หนูรู้จักครูมาตั้งแต่สมัยทำงานเทคนิคอ่างทอง จะ 20 ปีแล้วค่ะ ได้ครูนี้ล่ะคอยแนะนำ สั่งสอน ชี้ทางให้ มาโดยตลอด มีเรื่องอะไร ปรึกษาอะไรครูไม่เคยปฏิเสธ ครูจะบอกหนูเสมอ ให้มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ตัวเองมีหน้าที่อะไรทำไปให้ดีที่สุด อย่าสนใจเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องตัว ใครจะนินทาว่าร้ายยังไงไม่ต้องสน หมั่นสวดมนต์ทุกวัน เดี๋ยวดีเอง จนปัจจุบันหนูออกมาทำงานที่อื่นแล้วแต่เราก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ ยิ่งพอมีแอปไลน์ หนูกับครูคุยกันได้ทุกวันไม่มีขาด 

          ช่วงหลังมาครูชอบว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ปั่นจนรถล้มต้องไปผ่าสมอง แต่ครูก็ไม่ยอมแพ้ กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้ รุ่นนั้นหนูดีใจมากเลยค่ะ หลังจากผ่าสมองหายเป็นปกติ ครูชอบปั่นจักรยานออกตามทุ่งตามนา หนูยังเคยเตือนว่าให้มีเพื่อนไปด้วยบ้างดีไหม เผื่อฉุกเฉินอะไรขึ้นมา ครูบอกว่าครูพกโทรศัพท์ไปด้วย ไม่เป็นไร จากนั้นขณะที่ครูปั่นจักรยานครูก็ยังส่งไลน์คุยกับหนูได้ด้วย หนูยังแปลกใจและคิดว่าครูไปหยุดอยู่ตรงไหนนะ ไปปั่นถึงไหน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เรายังคงส่งไลน์หากันทุกวัน คุยกันปรึกษากันบ่อย ๆ นาน ๆ ครั้งหนูจะเข้าไปเยี่ยมครูที่บ้าน เจอบ้าง ไม่เจอบ้าง เพราะกว่าครูจะปั่นจักรยานเข้าบ้านก็ต้องช่วงบ่ายโมงไปแล้วนู่นแน่ะ

          น่าจะเป็นช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ที่หนูเข้าไปหาครู ๆ ยังให้ฟ้าทลายโจรหนูมา 2 ซอง บอกว่าถ้าเป็นโควิดนะ กินไปเลยมื้อละ 8 เม็ด แต่ทำไม ทำไมครูกินไม่ทันคะ 

วันที่ 6 กันยายน 2564 กนูผิดสังเกตุที่ครูไม่ไลน์มาคุยกับหนูเลย 2 วันแล้ว หนูก็เลยไลน์ถามครูว่าไม่สบายหรือเปล่า แล้วก็โทรหาพี่นกให้พี่เค้าขับรถไปดูครูทีว่าเป็นอะไรมั้ย พี่นกบอกมาว่าเข้าไปไม่ได้เขาเป็นโควิดกัน หนูก็ยังไม่คิดว่าตัวครูเองที่เป็น หนูคิดว่าครูอ่ะกักตัว ลูกสาวครูเป็นคนเดียว  หนูก็เลยโทรหาครู 2-3 สาย ครูก็ไม่รับ จนบ่ายจัด ครูโทรกลับมาหาหนูว่ามีเบอร์ 699 ค้างสายอยู่ หนูบอกว่าหนูโทรเองครู เห็นเงียบไปก็จะถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า โทรหาพี่นก ให้เขาขับรถมาดูที เขาก็ว่ามาไม่ได้ไอ้แพรวมันเป็นโควิด ครูก็ยังบอกว่าเป็นกันทั้งบ้านเลย พี่เป็นเยอะสุด เขาออกมาจ่ายตลาดทุกวันโอกาสติดมัน 100% อยู่แล้ว หนูยังบอกว่าไทยเราเข้าถึงวัคซีนกันช้ามาก ครูก็บอกว่าใช่ ๆ แต่พี่ไม่กล้าฉีด พี่ผ่าสมอง หมอไม่อยากให้เสี่ยง ตอนนี้อยู่โรงพยายาลอ่างทอง คุยมากไม่ได้ เหนื่อย พอครูพูดงี้หนูก็บอกว่างั้นเลิกคุยครู พักมาก ๆ หายเร็ว ๆ ค่ะ แล้วก็วางสายไป เสียงหายใจครูหอบมาก เหนื่อยจริง นาทีนั้นหนูคิดแล้วว่าครูคงไม่ได้กลับบ้านแต่หนูไม่พูดกับใครเลย

          หลังจากวันที่คุยกันทางโทรศัพท์ 7 กย 2564 ช่วงบ่ายโมงนิด ๆ ครูก็จะส่งภาพมาให้ทุกวันเหมือนเดิม ครูบอกว่าอยากทำอะไรทำ อยากไปเที่ยวไหนไป อยากกินอะไรกิน อย่ารีรอ

          













ครูยังคงคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองอยู่เสมอ พยายามทำตัวเป็นปกติ ส่งไลน์ให้หนูทุกวันเพื่อให้หนูเห็นว่าครูยังอยู่ดี หนูเห็นไลน์ครู หนูก็คิดว่า เออ ครูยังไหวอยู่











          จนมาวันพฤหัสบดีที่ 9 กย 2564 หนูยังถามครูอยู่เลยว่าดีขึ้นมั้ย ครูก็ส่งสติ๊กเกอร์กลับมาว่า โอเค หนูบอกให้ครูแข็งแรงเร็ว ๆ กลับบ้านไว ๆ ครูอ่านแต่ไม่ตอบหนูแล้ว 



 
วันศุกร์  ครูส่งรูปมาให้หนูเหมือนเคย พอหนูส่งตอบกลับไปครูก็ไม่อ่านแล้ว รูปนี้เป็นรูปสุดท้ายที่ครูส่งให้หนู เพราะพอมาวันเสาร์ หนูส่งไลน์ให้ครู ๆ ก็ไม่ตอบแล้ว
หนูถามว่าครูดีขึ้นมั้ย ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับแล้ว พอวันอาทิตย์ หนูไม่เคยคิดจะแอดไลน์ครูเอ๋เลย แต่วันนี้กนูแอดไป ถามว่าครูเป็นไงมั่ง เขาตอบสวนมาทันทีค่ะ ว่า แฟนพี่เสียแล้วนะ หนูนี่ไปไม่เป็นเลยค่ะ นึกไม่ถึงว่าครูจะจากไปแบบนี้ จนวันนี้หนูก็ยังคิดว่ามันไม่น่าเกิดขึ้นอยู่ดี หนูยังยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ หนูมาตั้งสติคิดได้อีกทีก็คือ ครูไม่อยากให้หนูเป็นห่วง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็แย่อยู่แล้ว แต่พอมีสติครูก็จะทักไลน์มาหา เพื่อหนูจะได้ไม่ห่วง ไม่กังวล วันเสาร์ครูคงไม่มีสติแล้ว และจากไปตอนหกโมงเช้าวันอาทิตย์ 
 
          หนูจะไม่ลืม คำสอนของครู จากนี้ไปหนูจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด มีอีกหลายเรื่องที่หนูจะเล่าให้ครูฟัง ขอคำปรึกษา คำชี้แนะ แต่มันสายไปแล้วค่ะ แต่หนูจะไม่ท้อ คำสอนของครู จะอยู่ในใจหนูเสมอ กำลังใจจากครู จะอยู่กับหนูตลอดเวลา ที่ผ่านมาเกือบ 20 ปี หนูกราบขอบพระคุณครูมากค่ะ หนูเชื่อว่าครูจะไปในที่ดี ที่สูงส่ง ที่มีความสุข และเมื่อถึงเวลาของหนู เราอาจได้พบกันอีกครั้งนะคะ 
                                   ลาก่อนนะคะครูเฉลิมพล 
                                                    💗

















วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2562

แม่นาค เดอะมิวสิคัล

แม่นาค เดอะมิวสิคัล
ที่สุดแห่งมิวสิคัลส่งท้ายปี 2562


           ปิดฉากการแสดงไปอย่างสุดแสนประทับใจ กับ "แม่นาค เดอะมิวสิคัล" เป็นมิวสิคัลที่ ดรีมบ๊อกซ์ จัดแสดงส่งท้ายปี 2562 เป็นมิวสิคัลที่ข้าพเจ้าคิดว่าจะพลาดแน่แล้ว เพราะไปดูไม่ทัน แต่ด้วยความใจดีของน้องเอื้อ ทำให้ข้าพเจ้าสามารถเปลี่ยนรอบไปชมได้ ขอขอบคุณน้องเอื้อด้วยนะคะ
          "แม่นาค เดอะมิวสิคัล" กล่วถึง เรื่องราวความรักของชายหญิงคู่หนึ่ง "พ่อมาก" และ "แม่นาค" ที่ลงหลักปักฐานอยู่ที่ริมคลองพระขโนง เรื่องราวความรักของคนทั้งคู่สะดุดลงตรงที่ "แม่เหมือน" แม่ของ "พ่อมาก" จงเกลียดจงชังลูกสะใภ้ที่แสนดีและอ่อนหวานอย่าง ๆ"แม่นาค" มีเรื่องให้รังแกลูกสะใภ้ได้ทุกวัน ทั้งด่าทอเสียดสี และทุบตี ทั้ง ๆ ที่ "แม่นาค" กำลังตั้งครรภ์ เมื่อความทราบถึง "พ่อมาก" ว่าเมียถูกแม่รังแก และทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ "พ่อมาก" จึงพา "แม่นาค" ไปปลูกกระท่อม สร้างครอบครัวใหม่อยู่ที่ดงตะเคียนริมคลองพระขโนง ทั้งคู่ต่างให้สัญญารักต่อกันอย่างเหนียวแน่น ว่าจะไม่ยอมให้มีสิ่งใดมาพรากทั้งคู่ออกจากกัน แม้ความตายก็ตาม

เครติดวิดีโอ จาก Dreambox Bkk 

         สองคนผัวเมีย อยู่กินกันอย่างมีความสุข ครรภ์ของ "แม่นาค" ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนใกล้คลอด "พ่อมาก" ก็มีอันต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารไปรบพม่า ที่เมืองเชียงตุง "แม่นาค" จึงต้องอยู่คนเดียวทั้ง ๆ ที่ครรภ์แก่เต็มที

          จนครบกำหนดคลอด "แม่นาค" เจ็บครรภ์เป็นอย่างยิ่ง ด้วยว่าลูกขวางท้องอยู่ ไม่สามารถคลอดเองได้ แต่ก็ถูกกลั่นแกล้งจาก "แม่เหมือน" และ "สายหยุด" หญิงสาวที่ "แม่เหมือน" หมายมั่นปั้นมืออยากได้เป็นลูกสะใภ้ ทำให้ "แม่นาค" และลูกในท้องต้องสิ้นใจอย่างน่าอนาถ ศพของ "แม่นาค" และลูกถูกนำไปฝังที่ตรงกลางระหว่างต้นตะเคียนคู่ ทำให้ผู้คนยิ่งหวาดกลัว ด้วย "แม่นาค" ตายทั้งกลม

เครติดวิดีโอ จาก Dreambox Bkk 

           แต่ด้วยความรักที่ "แม่นาค" มีให้กับ "พ่อมาก" ร่วมกับคำสัญญารักที่ผูกพันแน่นหนา ทำให้ "แม่นาค" ยังรอคอย "พ่อมาก" ผู้เป็นสามีอยู่ที่บ้านในดงตะเคียนริมคลองพระขโนง และสร้างโลกที่มีแต่คนที่รัก "แม่นาค" กับคนที่ "แม่นาค" รักขึ้นมาเตรียมรอรับการกลับมาของสามีสุดที่รัก  เมื่อ "พ่อมาก" กลับมาจากทหาร "แม่นาค" จึงปรนนิบัติดูแลสามีไม่ห่าง ด้วยความหวังที่จะอยู่กินกับสามีให้นานที่สุด อนิจจา ความร้ายกาจของ "แม่เหมือน" ยังไม่จบ หลังจากที่ "แม่เหมือน" รู้ว่าลูกชายตนปลดทหารกลับมาอยู่กินกับ "ผีแม่นาค" และลูกน้อย นางก็ว่าจ้างหมอผีมาสะกดวิญญาณ "ผีแม่นาค" รวมทั้งเล่าความจริงให้ลูกชาย กับ ชาวบ้านฟัง ทำให้ ชาวบ้านหวาดกลัว "ผีแม่นาค" ยิ่งนัก อะไร ๆ ก็โทษ "ผีแม่นาค" ทั้งหมด


เครติดวิดีโอ จาก Dreambox Bkk

          ครั้งแรกที่ "พ่อมาก" ได้ยินข่าวจากแม่ของตัวเอง ว่าเมียและลูกตายไปก่อนหน้าหลายเดือนแล้ว "พ่อมาก" ก็ยังไม่เชื่อ ต่อมาภายหลังเมื่อชาวบ้านลือกันหนาหู "พ่อมาก" จึงได้สังเกตุเมียและลูกตัวเองซึ่งพบความผิดปกติหลายอย่าง และแล้วในวันหนึ่งความจริงจึงปรากฎว่าเมียและลูกของตนเป็นผีจริง ๆ ทำให้ "ผีแม่นาค" พยายามอ้อนวอนให้สามีกลับมาอยู่กินกับตนเหมือนเดิม 


          แต่กฎแห่งกรรม และวัฏจักรชีวิต ทำให้มีพระซึ่งในตำนานกล่าวไว้ว่า คือ สมเด็จโต พรหมรังษี มาเทศน์เตือนสติทั้ง "ผีแม่นาค" และ "พ่อมาก" ทำให้ทั้งคู่เลิกความคิดที่จะฝืนกฎธรรมชาติ ยอมจากกันด้วยดี


          สิ่งที่ ดรีมบ๊อกซ์ ทิ้งไว้ให้กับผู้ชมแบบไม่รู้ตัว คือ 
                    1. คนหรือผี ที่น่ากลัวกว่ากัน
                    2. "ผีแม่นาค" ดุ และเฮี้ยน หลอกหลอนทำร้ายผู้คนที่จะมาพรากสามีไปจากตนเองจริงหรือไม่
                    3. ผู้คนที่ถูกทำร้าย ล้มตายไป เป็นเพราะ "ผีแม่นาค" กระทำ หรือเป็นเพราะจิตสำนึกของตนเองหลอกหลอนกันแน่
                    4. สุดท้าย ความรักแท้ ก็ยังแพ้ต่อชะตาและกฎแห่งกรรมจริง ๆ ใช่ไหม 

          ในส่วนของฝีไม้ลายมือของนักแสดงนั้น บอกได้คำเดียวว่า "ไม่มีที่ติ" แสดงได้ดีทุกคน คุณน้ำมนต์ เป็นศิลปินแถวหน้าสุดในวงการมิวสิคัล น้ำเสียงของเธอนั้น หาใครมาเทียบด้วยยาก ไม่ต้องอธิบายคุณสมบัติของเธอให้เปลืองน้ำหมึกเลยค่ะ แค่ฟังเสียงของคุุณน้ำมนต์ก็คุ้มเกินคุ้มจริง ๆ 

          ในส่วนของฉาก แสง สี และเสียงนั้น แต่ไหนแต่ไรมา ดรีมบ๊อกซ์  ไม่เคยทำให้ผู้ชมผิดหวัง การทำงานแบบขอไปที หรือ ทำงานแบบลวก ๆ สุกเอาเผากินนั้น ไม่ใช่แนวทางของ ดรีมบ๊อกซ์ ทุกอย่างออกมาได้อย่างสมบูรณ์ สวยงาม ละเมียดละไม และลงตัวที่สุดค่ะ

          ที่สำคัญ คุณน้ำมนต์ จะรับบท แม่นาค ในครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วค่ะเพราะฉะนั้น นับเป็นโชคดีของเราจริง ๆ ที่ได้ชมสิ่งที่ดี ๆ สร้างสรรค์ และละเมียดละไมเช่นนี้ 



          แม่นาค เดอะมิวสิคัล
          บทประพันธ์ : ดารกา  วงศ์ศิริ
          กำกับการแสดง : สุวรรณดี  จักราวรวุธ
          ประพันธ์ดนตรี : ไกวัล  กุวัฒโนทัย , สุธี  แสงเสรีชน และ พลรักษ์  อมาตธนาเสฐ
          นำแสดงโดย : ธีรนัยน์ ณ หนองคาย 
                                 กนกฉัตร  มรรยาทอ่อน
                                 มณีนุช  เสมรสุต
                                 นรินทร ณ บางช้าง
                                 อรวรรณ  เย็นพูลสุข
                                 ภคมน  บุญยะภูติ
                                 ญาณี  ตราโมท
                                 เด๋อ  ดอกสะเดา
                                 ศรัณย์  ทองปาน
                                 ดิษย์กรณ์  ดิษยนันท์

วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

นู๋ชื่อเด็กชายเสือเหลืองฮับ


          เด็กน้อยตัวนี้มีนามว่า เสือเหลือง ข้าพเจ้าไปรับมาจากตลาดสด เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2560 น้องส้ม น้องออแกนห้องคลังเก็บมาเพราะเห็นว่าจะถูกแมวหง่าวที่ตลาดกันเอา ข้าพเจ้าก็เลยรับเลี้ยงคาดว่าน่าจะอายุประมาณ 2 เดือน เอาเป็นว่าแม่ให้เกิดวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 ก็แล้วกันนะลูกนะ

         


     ตอนมาใหม่ ๆ วันแรกเสือเหลืองจะร้องทั้งวัน ยกเว้นตอนหลับ คิดว่าคงจะยังไม่ลืมแม่ คาดว่าคงจะถูกเจ้าของเดิมนำมาปล่อยที่ตลาดไม่เกิด 3 วัน เพราะเสือเหลืองเชื่อง รู้จักเข้าหาคน แต่ผอม คูดปอด กระดูกสันหลังขึ้น แขน ขา ยาว พุงป่อง เสือเหลืองไม่กลัวคน พอมาบ้านพยายามประจบพี่ ๆ แต่พี่ ๆ เค้าก็ยังไม่ยอมเข้าใกล้เท่าไหร่นัก




         

          เสือเหลืองเข้าทางน้องโช ตามประจบน้องโช ได้แตะเค้านิดนึงหน่อยนึงก็ยังดี มาอยู่ใหม่ ๆ 2 วันแรก เสือเหลืองท้องเสียเป็นยางเชียว กลิ่นแรงมาก จากนั้นก็เป้น ๆ หาย ๆ แต่ไม่ซึม ตัวไม่ร้อน กินได้ เล่นได้ ปกติ ยกเว้นหมัดที่เยอะมาก อาบน้ำให้ครั้งแรกก็ไม่ค่อยเท่าไหร่นัก



          หลังจากอาบน้ำได้ 3 วัน ตอนเย็นข้าพเจ้ากลับจากทำงาน เห็นกลางหลังลูกมีขุยดำ ๆ พอไปแหวกดู แม่เจ้า หมัดแตกฮือ หมัดมาจากไหน ข้าพเจ้าตกใจมาก เลยจับเสือเหลืองอาบน้ำอุ่นเย็นนั้นเลย ปรากฎว่า เหมือนมีใครเอางานดำมาโรยไว้บนตัวเสือเหลือง หมัดเพียบ ที่หลุดตามน้ำไปก็มี ที่ไม่หลุดก็ติดอยู่ที่ตัว ขนาดฟอกสบู่ทิ้งไว้ 5 นาที หมัดยังไม่ยอมหลุด สุดท้ายต้องเอาแหนบมาดึงออก ครั้งนี้ มากกว่า 30 ตัว




       
           ทิ้งเวลาไป 1 วัน แม่ข้าพเจ้าบอกว่าให้เอาน้ำมันพืชก็ได้ใส่ถ้วยไว้ แล้วเอาแหนบดึงหมัดมาแช่น้ำมัน คราวนี้ได้มาอีกเพียบเหมือนเดิม มันโตเร็วมาก ตัวเสือเหลืองงี้มีแต่น้ำมันพืช แม่กะว่าพอหมดหมัดก็ทอดได้เลย 555 แต่วิธีนี้คีบหมัดได้ดีมาก เร็ว และได้ทุกตัว ไม่ว่าตัวเล็กตัวใหญ่ เสร็จข้าพเจ้าหมด









         


          หลังจากนั้นก็ใช้วิธีนี้เก็บหมัดให้ทุกวัน ๆ จนล่าสุด เมื่อวานนี้ (6 กค 60) ได้มาเกือบ 5 ตัว ลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่อาการท้องเสียของเสือเหลืองยังไม่หาย ต้องให้หมอมาฉีดยาฆ่าเชื้อ เช้านี้ก็ยังไม่หาย ต้องฉีดซ้ำ









       


            ทุกวันนี้เสือเหลืองสบายดี มีน้องโชเป็นเพื่อนเล่น น้องโชยอมเล่นกับน้องตั้งแต่เสือเหลืองมาอยู่ด้วยได้ 3-4 วัน นับว่าเร็วมาก แต่ตัวอื่น ๆ ยังไม่ยอมเล่นด้วย อ้อ พี่โฮชิก็ไม่ขู่น้องเลยมีขู่แค่วันแรก คงอยากมีเพื่อนเล่นเหมือนกัน






 

         
          น้องโชก็อยากเล่นกับเสือเหลืองนะ แต่ยังมีฟอร์มอยู่ ขอแอบดูก่อนแล้วกัน










          เสือเหลืองมีบ้านอยู่แล้วฮับ ทุกคนรักนู๋มากเลย ของเล่นน๋ก็มีหลายอันเยยฮับ
















          ทายซิ ขานู๋อยู่หนาย



















          ท่านี้เรียกว่า ท่าคอห้อย















          นู๋มีเพื่อนแล้วฮับ มาอยู่กับอิแม่ ทุกคนที่นี่รักนู๋มาก ดูแลหนูดีมากด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงนู๋นะฮับ






วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559

น้องเล็กของบ้านมาแว้ว



          ภายหลังจากวันที่ 13 ตุลาคม 2559 เวลา 15.52 น. วันที่ประชาชนคนไทยหลั่งน้ำตากันทั้งประเทศ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตรทรงเสด็จสวรรคต มาถึงวันที่ 16 ตุลาคม 59 มีอีกชีวิตหนึ่งถือกำเนิดขึ้น นั่นคือ ทายาทรุ่นที่ 2 ของน้องมีสตางค์ เราไปเดินหาที่บ้านมิ้นอยู่ 2 วัน หาข้างล่าง ก็ไม่เจอ เลยไลน์หามิ้นว่าวันเสาร์มาช่วยหาข้างบนกัน มิ้นรับปากว่าจะมาช่วย
         
          พอวันเสาร์กะว่าตอนเช้าจะเตรียมกรงให้เรียบร้อย ตอนกลางวันค่อยตามมิ้นไปหา ที่ไหนได้ มิ้นมาเรียกตะเช้า บอกว่ามิ้นจะไปนครปฐม ก็เลยต้องไปหากันตอนเช้า ขึ้นไปข้างบนกี่ห้องก็ไม่เจอ มาเจอเอาห้องสุดท้าย เปิดประตูเข้าไปมีแต่ห้องโล่ง ๆ กลางห้องมีผ้าใบพับครึ่งอยู่แค่ผืนเดียว พร้อมซากนก 1 ตัว

          เราเลยบอกมิ้นว่าไม่มีอ่ะ ห้องนี้มีแต่ซากนก พอพูดจบผ้าใบก็ขยับพร้อม ๆ กับเสียงขู่ เราเลยบอกมิ้นว่า มิ้นเจอแล้ว ๆ อยู่ใต้ผ้าใบ เดี๋ยวเจ้ดูซิว่ามีกี่ตัว พอจับผ้าใบยกเท่านั้นแหละค่ะท่านผู้ชม แม่ลูกอ่อนนามว่าน้องมีสตางค์ นางเปลี่ยนจากแมวเป็นเสือทันที นางกวดกัดทั้งมิ้น ทั้งเรา แตะผ้าใบไม่ได้เลย พอจับคอนางได้ก็ต้องกดนางไว้กับพื้นแล้วส่งลูกให้มิ้นอุ้ม นางมีลูกโทนตัวเดียวดำปึ๊ด 555 เราก็เลยต้องเอาลูกมาใส่กรงไว้ก่อน แล้วหยิบผ้าขนหนูหนา ๆ ไปด้วยผืนนึงเพื่อจับน้องมีสตางค์กลับมา นางฟัดผ้าขนหนูมาตลอดทาง พอใส่กรง นางไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้กรงเลย ดุมาก หวงลูกมาก









         


          รอบนี้นางมีลูกแค่ตัวเดียว หลังจากที่ไม่ได้ตั้งท้องเลยตลอดเกือบสองปี คาดว่ามดลูกนางคงฝ่อไปข้างนึงแล้ว ใช้ได้ข้างเดียว เลยท้องเล็ก และลูกน้อย ที่เราเห็นท้องกางออกมาเราเข้าใจว่านางเพิ่งตั้งท้อง แต่จริง ๆ แล้วนางใกล้คลอด         ต่างหาก






     


           หลังจากที่มาอยู่บ้านได้สองวัน อาการดุและหวงลูกเวอร์ของนางลดลง ยอมออกจากกรงไปทำธุระส่วนตัวบ้าง เดินเที่ยวบ้าง ยอมให้จับลูก ยอมให้เข้าใกล้ทุกอย่าง เรางี้โล่งอก แต่ลูกก็มีแววดุเหมือนแม่มาก อายุแค่สิบวัน ขู่เป็นแล้วค่ะ











          เจ้าตัวเล็กนี่พุงกางตลอดเพราะไม่ต้องแย่งใครดูดนม หลับทั้งวัน วันนี้ 27 ตุลาคม 2559 ตาลืมแล้วแต่ยังมองไม่เห็นเพราะตายังขุ่นอยู่ กำลังหัดเดินเตาะแตะ ขู่เป็น ร้องเสียงดังดีจัง หนักจนแม่คาบจะไม่ไหวแล้ว และยังไม่ได้ตั้งชื่อ เดี่ยวได้ชื่อแล้วจะมาอัพเดทให้ดูกันครั้งนะคะ



วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ประสบการณ์ใหม่


          เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2559 มีโอกาสได้ไปอัดรายการนั่งเล่นสตูดิโอ ของแกรมมี่ ณ ห้องอัด GMM สตูดิโอ โดยมี น้องลูกหว้า พิจิกา จิตตะปุตตะ มาร้องเพลงให้ได้ฟังกัน แล้วก็มีแขกรับเชิญอีก 2 ท่าน น้องน่ารัก เป็นกันเอง ร้องเพลงเพราะ ภายในสตูดิโอมีกล้องประมาณ 7 ตัว จับทุกมุม ทุกอิริยาบทเชียวค่ะ มีจอใหญ่ ๆ ด้านหลังเก้าอี้ผู้ชุมรายการ เอาไว้คอยบอกสคริปและเพลงที่จะร้องต่อไป ด้านหลังจอที่ว่าก็เป็นกล้อง หลังกล้องเป็นโต๊ะทีมงาน ผู้ชมรายการก็จะเป็นนักศึกษาฝึกงานของบริษัทแกรมมี่เป็นส่วนมาก มีเรานี่แหละ หอบสังขารจากอ่างทองไปเพื่อน้องโดยเฉพาะ รู้จักกันมานาน 5 ปีกว่า ติดต่อกันผ่าน FB  ผ่าน Line ตลอด เพิ่งจะได้เจอกันแบบตัวเป็น ๆ นี่แหละ น้องใจดีให้ทุนการศึกษาเด็กช่างอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคอ่างทองมา 2 ปี ซ้อนแล้ว เรากำลังคิดอยู่ว่าจะส่งเด็กช่างอื่นรับทุนบ้างดีไหมนะ กระจาย ๆ กันไป บรรยากาศภายในสตูดิโอก็หนาว ๆ เนอะ แสง ไฟ เสียง เวที พร้อมเป๊ะ การทำงานแบบมืออาชีพเป็นอย่างนี้นี่เอง แน่นอน การบันทึกรายการย่อมมีซ่อมบ้าง แต่ศิลปินก็ไม่ชักสีหน้า แสดงอารมณ์หรือคำพูดไม่พอใจแต่อย่างใด ให้ถ่ายซ่อมจนกว่าจะพอใจทีมงานและได้ภาพสวย ๆ ตามคลิปด้านล่างนี้เลยค่ะ (แต่เสียอย่างเดียว วงแบ็คอัพน้องผู้ชาย 3- 4 คน วันนี้ พี่เสียความรู้สึกนิดนึงตรงที่น้องเป็นวัยรุ่นสูบบุหรี่ค่ะ ถ้าเลิกได้ก็เลิกนะคะ พี่เป็นห่วงสุขภาพน้องค่ะ)

https://www.youtube.com/watch?v=kZdVPlObRsQ

https://www.youtube.com/watch?v=vYUeGYA6CUM

https://www.youtube.com/watch?v=UNPLGhzwLaw

https://www.youtube.com/watch?v=fKUFsbp4xnw





วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

มรสุมอีกลูก

          เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2559 เป็นวันที่มรสุมลูกใหญ่อีกลูกพัดมาสู่ พุธธังกูร อาซิ่มคอง เมียอาเจ็กคิมที่เสียไปเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ป่วย เข้าโรงพยาบาล หมอตรวจพบว่าเป็นมะเร็งที่ปอด และลามขึ้นไปที่หัวอีก 2 จุด ซึ่งที่หัวสามารถผ่าเอาออกได้ หมอรับรองว่าหาย แต่หนักใจที่ปอด เพราะไม่มีดีแล้ว ปอดสองข้างมะเร็งกินเรียบจนลามไปที่หัว แต่ยังไงลูก ๆ ของอาซิ่มเขาจะรักษา แต่ในความเป็นจริงก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าถ้าที่ปอดไม่มีดีแล้ว ผ่าที่หัวได้จะทำไปทำไม เพราะคนไม่ได้ใช้หัวหายใจ ใช้ปอดต่างหาก หมอว่าขึ้นอยู่กับกำลังใจคนไข้ ทุกวันนี้อาซิ่มก็ยังอยู่ที่โรงพยาบาล (8 พฤษภาคม 2559) และจะต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลอีกหลายครั้ง ต้องไปรักษาที่ลพบุรีด้วย ตอนนี้ก็ยังมีไข้ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่รู้ว่าจะไปลพบุรีได้วันไหน ที่สำคัญ อาซิ่มจะอยู่ได้อีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ในความคิดขอเรา ถ้าอาซิ่มยอมคืนของที่เาอมาจากเจ้าของที่เขาไม่เต็มใจให้ อาจจะทรมานน้อยกว่านี้หน่อย ไอ้เรื่องหายคงไม่หาย ถึงจะคืนสายไปแต่ก็ยังดีกว่าไม่คืนเพราะมันจะทำให้อาซิ่มทรมานมากกว่านี้ ลูก ๆ ไม่มีใครรู้เลยว่าอาซิ่มเอาอะไรของเค้ามา แต่ทุกวันนี้ก็ยังคิดไม่ได้เลยต้องทรมานต่อ มรสุมลูกนี้จะผ่านพ้นไปเมื่อไหร่นะ

แด่...นังสางหมาวัด

     รูปนี้เป็นรูปสุดท้ายของนังสาง ถ่ายไว้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ที่วัดขวิด บ้านใหม่ของนาง นางมาอยู่ที่นี่ได้ไง บ้านเก่านางล่ะ ท...