วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

คุณแม่จำเป็น...อีกครั้ง ตอน พัฒนาการของโฮชิ



          นับจากวันที่ 4 ตุลาคม 2556 จนถึงวันนี้ 18 ธันวาคม 2556 นายโฮชิอายุได้สองเดือนครึ่งแล้ว ลักษณะภายนอกเริ่มดูเหมือนแมวมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก น้ำหนักได้ 8 ขีด ย้ำ เลี้ยงมาสองเดือนครึ่งเพิ่งจะหนัก 8 ขีด เป็น 8 ขีดที่ทรหดอดทนมากสำหรับคนเลี้ยง เมื่อตอนกลางเดือนพฤศจิกายนเกิดวิกฤติ แม่เป้าให้โฮชิกินตับไก่ย่าง 2 มื้อเท่านั้น ท้องเสียอย่างมากมาย น้ำหนักลงฮวบ ลักษณะภายนอกโทรมอย่างเห็นได้ชัด นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลก็โดนฉีดยามา 2 เข็ม แต่ก็ไม่ดีขึ้น นึกขึ้นมาได้ว่าน้าหมอที่เคยรักษากันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเรียกว่าเป็นหมอปรำจำตระกูลเลยก็ว่าได้ท่าเกษียณอายุราชการแล้ว เลยพาไป ฉีดยาเข็มเดียวเท่านั้น หายท้องเสียเลย (กลับมาท้องผูกแทน 555) น้าหมอบอกว่า ให้อายุ 3 เดือนก่อนนะค่อยทำวัคซีน เพราะว่าโฮชิยังตัวเล็กมาก น้ำหนักน้อย แต่ก็ดีแล้วที่เลี้ยงกันรอด และยังบอกดวยว่าอย่าให้กินอาหารอะไรที่ผิดไปจากที่เคยกินประจำวันนัก เพราะว่าภูมิคุ้มกันโฮชิมีน้อยเนื่องจากไม่มีแม่ ทุกวันนี้นายโฮชิจึงต้องกินข้าวคลุกปลาทูนึ่ง ทอด หรือคลุกอาหารเปียก กินไข่แดงต้มสุก กินอาหารเม็ดของรอยัล คานินทร์ แพงหูฉี่ แต่ก็ยอมซื้อให้กินเพื่อให้โฮชิแข็งแรง กินอาหารปั่นละลายกับนมบ้างเป็นครั้งคราว  ผลจากการดูแลคือนายเก่งขึ้นมาก วิ่งเร็ว แรงเยอะ เล่นไม่หยุด




          ที่สำคัญ  รูปร่างของนายดีขึ้นมาก ไม่เป็นแมวเอเลี่ยนอย่างที่เจ๊แป้งเรียกอีกแล้วนะ แววหล่อเริ่มฉายออกมาแล้ว กับแมวตัวอื่นในบ้านก็เริ่มเล่นกันมากขึ้น กับพี่ขวัญ พี่อั่งเปา ก็ยอมรับน้องมากขึ้น ยกเว้นพี่มีสตางค์ รายนั้นยังเกลียดน้องแบบคงเส้นคงวา แต่อีกสักพักคงจะดีขึ้น





รูปนี้สมัยยังเป็นแมวเอเลี่ยนอยู่ (เจ๊แป้งว่างั้น)















หยอกเล่นกับพี่ขวัญซะหน่อย











 พี่กับน้องเค้ารักกัน



          โฮชิยังไม่มีรูปคู่กับพี่อั่งเปา เพราะว่าพี่อั่งเปาคอยจะวิ่งหนีตลอด ยังไม่ค่อยสนิทกันมากเท่าไหร่นัก แต่ก็ชวนเล่นเป็นครั้งคราว แล้วคราวหน้าจะมาอัพเดทเรื่องราวของนายโฮชิให้อ่านกันใหม่นะคะ

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

โฮชิ...นายแน่มาก

          นับจากวันที่ 4 ตุลาคม 2556 ที่ได้โฮชิมาเลี้ยง ก็ลุ้นกันอยู่ทุกวันว่าจะรอดมั้ย ๆ แต่มาวันนี้โฮชิ  นายแน่มาก ดูได้จากวิดีโอ









วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

คุณแม่จำเป็น...อีกครั้ง

"เจ๊ ๆ อยากได้แมวไปเลี้ยงอีกตัวมั้ย" ประโยคนี้เป็นประโยคนำร่องมาก่อนเลยแล้วก็ตามมาด้วยประวัติของเด็กชายตัวเล็กว่าแม่ไปคลอดไว้ที่ท้ายรถสิบล้อ คนขับจะโกยทรายก็เห็นเจ้าตัวเล็กนี่เข้าก่อนไม่งั้นตายแหงแก๋ คาดว่าตัวแม่คงตกใจที่รถวิ่งก็เลยโดดหนีไป ทิ้งไว้เพียงลูกโทนยังไม่ลืมตา ซึ่งฉันได้รับอุปการะไว้ ตอนนี้เรียกเล่น ๆ ว่า "เด็กชายตัวเล็ก"


     
          เมื่อวานนี้ (8 ตุลาคม 2556) เด็กชายตัวเล็กได้ลืมตาเป็นครั้งแรก คาดว่าแม่เค้าคงจะคลอดประมาณวันที่ 1 ต.ค. เพราะว่าถามหมอดูแล้ว ลูกแมวจะลืมตาเมื่ออายุ 7 วัน ตัวเล็กมาอยู่กับฉันตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. 56 กินนมเก่ง  ร้องเสียงดัง ร่างกายแข็งแรง แต่ก็ต้องถึงมือหมอเพราะว่าตัวเล็กไม่ยอมอึ ท้องผูก หมอให้ยามาแล้วก็ดีขึ้น แต่ด้วยความที่กินเก่งมากไปหน่อย เลยทำให้อึค่อนข้างเหลว ก็เลยต้องลดปริมาณนมลง เพื่อจะได้ไม่ท้องเสีย หรือท้องอืด และเดี๋ยวก็ต้องไปซื้อไกร๊ฟ วอร์เตอร์ของเด็กทารกให้กินด้วยเพื่อบรรเทาอาการท้องอืด ท้องผูก จะได้ไม่ต้องไปหาหมอ ตัวยังเล็กจัง หมอก็ทำอะไรไม่ค่อยจะได้

       


          ปัจจุบันเด็กชายตัวเล็กอาศัยอยู่ในกล่องกระดาษโดยมีพี่กระต่ายเป็นเพื่อนนอน และเป็นเพื่อนเล่น จะได้มีความรู้สึกว่ามีที่อิงแอบ  และซุกพักผ่อน จะได้ไม่ร้องเสียงหลงหาแม่








       


          พี่กระต่ายตัวนี้สารพัดประโยชน์มาก ตัวเล็กชอบดึงให้คว่ำหน้าลงมาแล้วตัวเองก็เข้าไปซุกนอนที่ท้องบ้าง ที่ปากบ้าง อุ่นดี เหมือนมีแม่คอยกอด ที่สำคัญ กินอิ่มปุ๊บ ซุกเข้าท้องกระต่ายปั๊บนี่สิ สำคัญนักเชียว



















       



          ถ้าร้อนเกินไปก็ดันหงายพี่กระต่ายขึ้นแล้วก็มานอนซุกได้ทุกส่วนจริง ๆ จนพี่กระต่ายเริ่มดำ 555







  

          น่าขำเนอะชีวิต เกิดมายังไม่ทันได้ลืมตาก็ต้องเป็นกำพร้าเสียแล้ว จากที่เคยกินนมแม่ ก็ต้องมากินนมแพะผ่านสลิง  เคยซุกอกแม่นอนก็ต้องมาซุกอกพี่กระต่าย แต่ไม่เป็นไรนะ จากนี้ไปเราจะอยู่ด้วยกัน  รับรองจะไม่ทิ้งตัวเล็กไปไหนเด็ดขาดจ้ะ

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ถึงวันที่เราต้องจากกัน...ชั่วนิรันดร์



          วันที่ 24 มิถุนายน 2556 ริวคิคุง ได้จากไปอย่างสงบในเวลาเที่ยงวัน ก่อนหน้านี้เกือบ 2 เดือน ที่ริวคิคุง เดินไม่ได้ กินอาหารน้อยมาก แทบไม่มีแรงยืนกินน้ำ ต้องลดระดับขวดน้ำลงให้ต่ำกว่าเดิม ต้องคอยป้อนน้ำให้กิน ก่อนจากไป 2 วัน ริวคิคุงมีอาการเกร็ง ขากรรไกรค้างเวลาป้อนน้ำ จากนั้นก็จากไป ช่วงเย็นฉันได้ไปขุดหลุมฝังริวคิคุงไว้ที่โคนกล้วยหลังบ้าน ระหว่างนั้นก็นึกไปถึงตอนที่รับริวคิคุงมาใหม่ ๆ

          จำได้ว่าเมื่อประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว ฉันอยากได้อะไรมาเลี้ยงซักตัวเพื่อทำให้ใจไม่ว่างที่จะนึกถึงคน ๆ นั้น และแล้ว เจ้าโอ๊ตก็ได้ให้เจ้าตัวนี้มา ตอนให้มาโอ๊ตบอกว่าตัวนี้เชื่องที่สุดแล้วนะพี่เพชร จำได้ว่าใส่ตระกร้าสีชมพูแปร๋นเชียว ซ้อนท้ายไป - กลับเทคนิคทุกวัน จนกระทั่งขอกรงไม้เก่า ๆ แม่มากรงนึง ให้น้าปัญญาซ่อมให้ แล้วก็ให้ริวคิคุงอยู่ที่เทคนิควันจันทร์ - ศุกร์ วันหยุดก็กลับบ้านกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการเลี้ยง มันเชื่องที่ไหนกัน ดุมากต่างหาก กว่าจะจับตัวได้ ลูบหัวได้ โดนเข้าไปหลายแผล ทั้งหนามแทง ทั้งกัดนิ้ว แต่ก็ไม่ละความพยายามแฮะ  เรามันก็ทนเหมือนกัน  และแล้ว  เจ้าเม่นน้อยสีขาวตาสีแดงก็ยอมให้จับ ให้อุ้ม ให้อาบน้ำ  หลังจากที่ย้ายห้องทำงาน ริวคิคุงก็เปลี่ยนตระกร้าใหม่ให้ใหญ่ขึ้น และซ้อนท้ายไปทำงานทุกวันเหมือนเคย

           เราจะไปเดินเล่นที่สนามหญ้ากันเกือบทุกวัน มอมแมมกลับมาทั้งเจ้าของทั้งเม่น  เพราะว่าคนก็ต้องเกลือกอยู่กับหญ้าถึงจะได้รูปลูกชายสุดหล่อ  ส่วนเจ้าเม่นลูกชายก็สนุกไปกับกอหญ้าและขี้หมาแห้ง เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นขี้หมาแห้ง เคี้ยว ๆ แล้วก็เอามาแปะ ๆ ตามตัวจนทั่วไปหมด เจออะไรแปลก ๆ เป็นไม่ได้ต้องทำแบบนี้ทุกครั้งเชียว มันเป็นภาพที่ิชินตา ผู้หญิงอ้วนตัวกลมเดินเล่นกับเม่นสีขาวอยู่ที่สนาม เดินตามกันต้อย ๆ



  

         ริวคิคุงอาบน้ำทุกอาทิตย์  เปลี่ยนที่นอนทุกวันไม่เคยขาด  ยกเว้นวันไนที่ฉันไม่อยู่ ไปเที่ยว กทม ริวคิคุงก็จะไม่ได้เปลี่ยนที่่นอน แต่พอฉันกลับมาก็รีบทำความสะอาดให้ทุกครั้ง เอี่ยมอ่องเหมือนเดิมทุกประการ 


          เป็นเวลาเกือบ 8 ปี ที่ผ่านมา  ไม่มีวันไหนที่เราไม่เคยเจอหน้ากัน  ไม่มีวันไหนที่เราไม่เคยอุ้มกัน จากนี้ริวคิคุงจะต้องเดินทางไกลไปเพียงลำพัง ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องกังวลถึงคนที่อยู่ข้างหลังใด ๆ ทั้งสิ้น  ริวคิคุงไปให้สบาย คนทางนี้มีริวคิคุงในใจเสมอ จำได้ตลอดเวลา ริวคิคุงไปรอที่โลกหน้าก่อนเลยนะ ซักวันเมื่อถึงเวลา เราคงได้พบกันอย่างแน่นอน



          คนทางนี้จะต้องดูแลจันทร์จ๋าก่อน และยังมีภาระอีกมากมายที่ต้องทำ ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงานะจ้ะ เพราะฉันจะคิดถึงเจ้าอยู่เสมอเจ้าเม่นน้อยที่น่ารักของฉัน  หลับให้สบาย

วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อัพเดท...ลูกสาวคนสวย


          มาถึงวันนี้ ลูกสาวโตขึ้น เก่งขึ้น เล่นมากขึ้น โดยเฉพาะกับพี่อั่งเปา แต่ก็ยังเล่นกับพี่ขวัญได้ไม่นาน เพราะว่าพี่ขวัญเล่นแรงมาก ๆ ปัจจุบัน มีสตางค์ไม่ค่อยนอนช่วงปลางคืนมากเท่าไรนัก แต่ชอบออกมาจับจิ้งหรีด หรือว่าแมลงสาบเล่นมากกว่า แต่พอจับได้ทีไรต้องเข้ามารายงานผลงานในมุ้งทุกทีสิน่า จิ้งหรีดมันก็ไม่เท่าไหร่นะคะลูก  แต่แมงสาบนี่แม่ขอได้มั้ยคะ มันคันค่ะ


          ไว้หนูเลิกเล่นหางตัวเองเมื่อไหร่  แม่จะส่งหนูไปเข้าหอกับพี่สนุ๊ปปี้นะคะ แม่จะได้มีหลานไว้เล่นแก้เหงา


วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556

หลังการปรับตัวของเด็กหญิงมีสตางค์


         จำได้ว่าครั้งที่แล้วบันทึกเอาไว้ว่าลูกสาวตัวนี้ยังไม่ยอมเล่นกับใครทั้งนั้น เก็บเนื้อเก็บตัวนอนเงียบบนเก้าอี้อยู่ตัวเดียว หลังจากเวลาผ่านมาพอสมควร ฤทธิ์เดชเธอได้เริ่มแสดงออกมาเรื่อย ๆ  555 ก่อนนอนจับใส่เสื้อสวยเป็นต้องโวยวายร้องไปสามบ้านแปดบ้านเหมือนใครเอามีดมาแทงซะงั้น แถมยังเป็นประเภท ก่อนหลับเห็นนอนอยู่ตรงนี้ ลืมตาขึ้นมามองอีกที อ้าว ไปอยู่ตรงนั้นซะแล้ว เรียกว่าทุกครั้งที่ลืมตามาดูมีสตางค์จะนอนไม่ตรงที่เดิมซักครั้ง

       



        ปัจจุบันเธอแซ่บขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก วิ่งเล่นแบบไม่กลัวใครกับพี่ขวัญแล้วก็พี่อั่งเปา แถมยังสู้ไม่ถอยอีกต่างหาก โดนพี่ ๆ เค้าตีก็ไม่กลัว ตีตอบ ส่งเสียงด้วย สู้ไม่ไหวก็หนีก่อน แล้วกลับมาเอาคืน ก่อนนอนเธอต้องวิ่ง ๆ ๆ ๆ ให้ครบรอบมุ้ง รอบที่นอนซัก 5 รอบ จากนั้นก็แวะป่วนพี่อั่งเปาซักทีนึงให้พอหงุดหงิด  ส่วนพี่ขวัญไม่ต้องพูดถึง รายนั้นไม่ยอมนอนด้วยเลย ย้ายที่นอนไปนอนกะอาปาโลด 5555








          เนื่องจากเป็นลูกสาวไฮเปอร์ เพราะฉะนั้นในมุ้งจะต้องมีอาหารเม็ดไว้ให้เธอเคี้ยวกินตอนหกทุ่มหรือตีหนึ่งเสมอทุกวัน (เหม่ ๆ เหมือนลูกเล็กเลยเนอะ) ต้องกินทุกคนในเวลานี้ ย้ำ ทุกคืน พอเธอลืมตามาก็จะอ้อนมากัดจมูกมั่งเลียหน้ามั่งกัดนิ้วมั่ง ต้องหยิบให้กิน จากนั้นก็ทางใครทางมันเพราะอิ่มแล้ว มากวนอีกทีก็เกือบสว่าง หิวอีกรอบ เธอจะกวนจนกว่าเราจะดันเธอออกมา 555 เอาหัวไถหน้างี้ งับมืองี้ ลืมตาขึ้นมาเป็นต้องเล่น ต้องกิน ตลอด หลายครั้งที่ต้องตีกันผัวะ ๆ ถึงจะยอมหลับ




          นิสัยเสียอีกอย่างที่อยากจะฟาดให้ก้นบวมคือ เรียกแล้วไม่ยอมมา ชอบไปเล่นตามพุ่มไม้ ตามดง แล้วก็แอบซุกหลับตามที่ ๆ เราคิดไม่ถึง ตัวก็ยังเล็กอยู่มันก็ต้องเรียกหาเป็นธรรมดา กลัวว่าเธอจะไปโดนรถเหยียบแบน ไม่งั้นก็หายไปแบบไร้ร่องรอย เรียกไปเหอะ ไม่ออกซะอย่าง จนกว่าจะพอใจ หัวค่ำนี้ต้องเอาไฟฉายไปฉายหากันเลย เพราะว่าหาลูกสาวไม่เจอ ซักพักออกมานั่งหาวหวอด ๆ ทำตาต่อว่าประมาณว่าเรียกอะไรนักหนาเนี่ย แมวกะลังนอนนะ 5555 แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่บ่นมาแม่ก็รักหนูอยู่ทีแหละค่า กะว่าพอเป็นสาวจะให้มีน้องซักครอกให้แม่ชื่นใจ แต่ยังไง ๆ ลดความดื้อลงหน่อยนะลูก


จ้องจะแกล้งพี่เปาแหละ






วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ลูกสาว....อีกตัว


   
          ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา (11 ก.พ.56) ด้วยความอนุเคราะห์จากน้องตั้ว และน้องแป้ง พากันไปส่งอาโกวที่เยาวราชแล้วก็ไปรับลูกสาวมาให้อีกตัว คราวนี้ยิงตรงมาจาก กทม. เลยแฮะ ลูกสาวฉัน แม่บอกว่าให้ชื่อมีสตางค์เถอะ (ยังไม่หายคิดถึงเด็กหญิงมีตังค์) ลูกสาวคนนี้ตาสวยมาก คมกริบ แถมยังหยิ่งด้วย เนื่องจากมาจาก กทม. พี่ ๆ เข้าใกล้ยังไม่ได้ เล่นตัวเดียวเพลินไปเลย ขี้อ้อน ทำให้บ้านหายเหงาไปได้เยอะ หวังว่าสิ้นเดือนนี้คงจะยอมเล่นกับพี่ ๆ เค้านะ






วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

เด็กหญิงมีตังค์...อนิจจา...ความสุขที่ผ่านเข้ามาเพียงเวลาสั้น ๆ



"เจ๊ ๆ อาปาให้เอาแมวมาให้เจ๊เลี้ยง เขาบอกว่ามันสวยดี"
เสียงน้องชายกับน้องสะใภ้ฉันตะโกนมาจากหน้าร้านที่ฉันทำงานอยู่
"เออ เอาไปบ้านเลย บอกเขาด้วยนะว่าเก็บได้จากถนน" เน้นขี้โม้ไว้ก่อน อยากเลี้ยง + ความสงสาร
ตั้งแต่วันนั้น ประมาณต้นเดือนธันวาคม 2555 เด็กหญิงมีตังค์ แมวเพศเมีย ตัวผอม ๆ หมัดเยอะมากก็เข้ามาอยู่ในความดูแลของฉัน จำได้ว่าหยดยาไล่หมัดให้ หาข้าวให้กิน ตัดสินใจเอาเข้าไปนอนด้วยเพราะว่ายุงเยอะมากข้างนอก แล้วเด็กหญิงมีตังค์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง อึเหลว ๆ รดที่นอนฉันซะ 2 ครั้ง ท้องดังโครก ๆ ตลอดเวลา พวกพี่ขวัญกับพี่อั่งเปาก็ยังไม่เข้าใกล้ เลยได้แต่เล่นกับเจ้านิกโกร ตุ๊กตาตัวดำ ๆ ไปก่อน



จากนั้นมาไม่เท่าไหร่ก็ท้องเสีย ซึม ตัวร้อน ฉันก็พาไปหาหมอ ฉีดยา กินยา ก็ดีขึ้น เวลาต่อมาพวกพี่ ๆ เค้าก็ยอมเข้าใกล้ ยอมเล่นด้วยแบบสนุกสนาน วิ่งเป็นวิ่ง เหนื่อยก็ไม่ยอมหยุด ลืมตาขึ้นมาก็เล่น เล่นเสร็จก็กิน กินเสร็จก็ถ่าย เสร็จแล้วก็เล่น ๆ ๆ  แล้วก็หลับ พี่ขวัญเค้ายอมให้น้องไปนอนด้วยนะ รักน้อง พอปลาย ๆ เดือนธันวาอากาศเริ่มเย็น ฉันเลยไปซื้อเสื้อมาให้ใส่ แหม ลูกสาวฉันสวยมาก





แต่อากาศก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา มีตังค์ไม่สบายอีกครั้งหนึ่ง ตัวร้อน ไม่กิน ซึม ก็พาไปหาหมอ คุณหมอฉีดยา ให้ยามากิน ยาลดไข้ ยาฆ่าเชื้อ กลูโคส แล้วก็น้ำมันตับปลา เดือดร้อนน้องสะใภ้อีก ต้องไปขอเจลเสริมวิตามินมาปนกับยาเม็ดบดป้ายปาก หมอสั่งให้กินติดต่อกันเป็นเวลา 1 อาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2556 เป็นต้นไป แม่ฉันบอกว่าแมวตัวนี้ตาโศกจัง หลังจากกินยาแล้วมีตังค์อาการดีขึ้น อ้วนขึ้น แต่อาการหอบยังไม่หายไป เวลาวิ่งเล่นกับพี่ขวัญก็หอบ แต่ไม่ยอมเลิก จนกระทั่งวันที่ 13 มกราคม 2556 วันสุดท้ายของการกินยา มีตังค์ยังมานอนหลับให้ฉันอุ้ม ซุกกันแนบอก ชีวิตดำเนินไปเป็นปกติ กลางคืนก็นอนกับพี่ขวัญ พอเช้ามืดวันที่ 14 มีตังค์กินข้าวเช้าตามปกติแล้วก็ออกไปเล่นกับพี่ขวัญที่หน้าบ้าน ตอน 06.30 น. ฉันยังเห็นเค้าเล่นกันอยู่อย่างเพลิดเพลิน มานึกได้อีกทีตอน 07.00 น. เอ๊ะ มีตังค์หายไปไหนนะ ก็เริ่มออกตาม แม่อยู่ข้างบ้านบอกว่าน้องขวัญอยู่นี่ แต่มีตังค์ไม่รู้อยู่ไหน ฉันก็เริ่มเอะใจแล้ว ปกติสองตัวนี่จะอยู่ด้วยกันตลอด มันแปลก ๆ แต่ก็ต้องออกไปทำงาน 07.30 น. แม่โทรมใบอกว่ามีตังค์ตายแล้ว ไม่รู้สาเหตุ อนิจจา !!! ลูกสาวฉัน เนื้อตัวไม่มีแผลใด ๆ ทั้งสิ้น แต่อาปาฉันบอกว่าเอามือกด ๆ ตรงจมูก มันน่วม ๆ ยุบ ๆ สงสัยจะวิ่งเล่นอย่างเร็วจนชนอะไรเข้า ฉันร้องให้ สงสารลูก อยู่กันมาร่วม 2 เดือน หนูทำให้ทุกคนมีความสุขมากเลยนะ พี่ขวัญก็คิดถึง เวลานอนยังลุกขึ้นมามองไปรอบ ๆ หาหนูนะลูก แม่อยากให้หนูอยู่ แต่กฏแห่งกรรม ใครเลยจะห้ามได้ ขอให้หนูหลับให้สบายนะลูก ไปเกิดใหม่ในที่ ๆ ดี ๆ เกิดมาสูงกว่าชาตินี้นะลูก แม่คิดถึงหนูเสมอ แม่รักหนูนะลูก มีตังค์



























แด่...นังสางหมาวัด

     รูปนี้เป็นรูปสุดท้ายของนังสาง ถ่ายไว้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ที่วัดขวิด บ้านใหม่ของนาง นางมาอยู่ที่นี่ได้ไง บ้านเก่านางล่ะ ท...